Position:home  

สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย: ทราบไว้ก่อนสายเกินแก้

คำนำ

เมื่อพูดถึงสิ่งแปลกปลอมในทางการแพทย์แล้ว หลายคนอาจคิดถึงวัตถุภายนอกที่เข้าไปในร่างกายจากอุบัติเหตุหรือการกระทำที่จงใจ แต่แท้จริงแล้ว สิ่งแปลกปลอมในที่นี้รวมถึงสิ่งแปลกปลอมในร่างกายที่เกิดจากร่างกายของเราเองด้วย

การมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้ ตั้งแต่อาการเจ็บปวดและการติดเชื้อไปจนถึงความเสียหายต่ออวัยวะหรือแม้กระทั่งเสียชีวิต

สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

สิ่งแปลกปลอมในร่างกายแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

1. สิ่งแปลกปลอมจากภายนอก

negative แปลว่า ทางการแพทย์

ได้แก่ วัตถุที่เข้าสู่ร่างกายจากภายนอก เช่น

  • เศษกระจกหรือเศษโลหะจากอุบัติเหตุ
  • เข็มหรือของมีคมที่แทงหรือปักเข้าไปในร่างกาย
  • ลูกกระสุนปืน
  • สิ่งที่กลืนหรือสูดดมเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น อาหารที่มีก้างหรือเมล็ดพันธุ์ หรือวัตถุขนาดเล็ก

2. สิ่งแปลกปลอมจากภายใน

ได้แก่ วัตถุที่เกิดขึ้นจากภายในร่างกาย เช่น

สิ่งแปลกปลอมในร่างกาย: ทราบไว้ก่อนสายเกินแก้

  • นิ่วในไต
  • นิ่วในถุงน้ำดี
  • นิ่วในท่อปัสสาวะ
  • ซีสต์
  • เนื้องอก
  • ลิ่มเลือด

อาการของสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

อาการของสิ่งแปลกปลอมในร่างกายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม อาการทั่วไป ได้แก่

  • ปวด
  • บวม
  • รอยแดง
  • ติดเชื้อ
  • ไข้
  • อ่อนเพลีย
  • หายใจลำบาก
  • กลืนลำบาก
  • ปวดท้อง

ผลกระทบจากสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

สิ่งแปลกปลอมในร่างกายอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพได้ ดังนี้

  • การติดเชื้อ: สิ่งแปลกปลอมอาจเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้ออื่นๆ ได้
  • การอักเสบ: สิ่งแปลกปลอมอาจทำให้เกิดการอักเสบในบริเวณที่อยู่
  • การอุดตัน: สิ่งแปลกปลอมอาจอุดตันหลอดเลือด หลอดลม หรือทางเดินอาหารได้
  • ความเสียหายต่ออวัยวะ: สิ่งแปลกปลอมอาจทำลายอวัยวะที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้
  • เสียชีวิต: ในกรณีที่รุนแรง สิ่งแปลกปลอมอาจทำให้เสียชีวิตได้

การวินิจฉัยสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

การวินิจฉัยสิ่งแปลกปลอมในร่างกายทำได้โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  • การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
  • การเอกซเรย์
  • การอัลตราซาวนด์
  • การตรวจด้วยกล้องเอนโดสโคป
  • การตรวจชิ้นเนื้อ

การรักษาสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

การรักษาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม วิธีการรักษา ได้แก่

  • การผ่าตัดนำสิ่งแปลกปลอมออก
  • การใช้ยาละลายสิ่งแปลกปลอม
  • การส่องกล้องเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก
  • การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอม

การป้องกันสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย

การป้องกันสิ่งแปลกปลอมในร่างกายทำได้โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้

  • กินอาหารอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีก้างหรือเมล็ดพันธุ์
  • กลืนน้ำหรือเคี้ยวหมากฝรั่งหลังจากกินอาหารเพื่อช่วยขจัดเศษอาหารออกจากทางเดินอาหาร
  • อย่าวิ่งเล่นหรือออกกำลังกายหลังจากกินอาหารเสร็จใหม่ๆ
  • หลีกเลี่ยงการสูดดมวัตถุขนาดเล็ก
  • สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อจำเป็น เช่น หน้ากากกันฝุ่นหรือแว่นตานิรภัย
  • รีบไปพบแพทย์หากสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย

เรื่องราวอุทาหรณ์

  1. เรื่องราวของชายที่กลืนปากกาคำโต

ชายคนหนึ่งกลืนปากกาคำโตเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก เขาไปพบแพทย์และได้รับการผ่าตัดเพื่อนำปากกาออก ปากกาแทงปอดของชายคนนั้นและทำให้เกิดการติดเชื้อ

จากเรื่องราวนี้ เราได้เรียนรู้ว่าการกลืนวัตถุขนาดใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจอาจเป็นเรื่องอันตรายได้มาก

1. สิ่งแปลกปลอมจากภายนอก

  1. เรื่องราวของหญิงสาวที่สูดดมเล็บตัวเองเข้าไป

หญิงสาวคนหนึ่งมีนิสัยชอบกัดเล็บ เธอสูดดมเล็บตัวเองเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เล็บไปอุดตันหลอดลมของเธอและทำให้เธอหายใจลำบาก เธอไปพบแพทย์และได้รับการส่องกล้องเพื่อนำเล็บออก

จากเรื่องราวนี้ เราได้เรียนรู้ว่าการสูดดมวัตถุขนาดเล็กเข้าไปอาจเป็นเรื่องอันตรายได้มาก

  1. เรื่องราวของชายที่ถูกเข็มทิ่มนิ้ว

ชายคนหนึ่งถูกเข็มทิ่มนิ้วขณะทำงาน เขาไม่ได้ทำความสะอาดแผลและปล่อยให้เข็มอยู่ที่นิ้วของเขาเป็นเวลาหลายวัน เข็มทำให้เกิดการติดเชื้อในนิ้วของชายคนนั้นและทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

จากเรื่องราวนี้ เราได้เรียนรู้ว่าแม้กระทั่งสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กก็อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรงได้

สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ

สิ่งที่ควรทำ:

  • กินอาหารอย่างระมัดระวัง
  • หลีกเลี่ยงการสูดดมวัตถุขนาดเล็ก
  • สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อจำเป็น
  • รีบไปพบแพทย์หากสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • กลืนวัตถุขนาดใหญ่โดยไม่ได้ตั้งใจ
  • ละเลยการทำความสะอาดแผล
  • ปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน

คำถามที่พบบ่อย

  1. สิ่งแปลกปลอมในร่างกายมีอันตรายหรือไม่

คำตอบ: ขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม สิ่งแปลกปลอมบางอย่างอาจเป็นอันตรายได้มากในขณะที่บางอย่างไม่เป็นอันตราย

  1. สิ่งแปลกปลอมในร่างกายมีอาการอย่างไร

คำตอบ: อาการของสิ่งแปลกปลอมในร่างกายอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม อาการทั่วไป ได้แก่ ปวด บวม รอยแดง และติดเชื้อ

  1. สิ่งแปลกปลอมในร่างกายรักษาอย่างไร

คำตอบ: การรักษาสิ่งแปลกปลอมในร่างกายขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่งของสิ่งแปลกปลอม วิธีการรักษา ได้แก่ การผ่าตัด การใช้ยา และการส่องกล้อง

  1. สามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้หรือไม่

คำตอบ: ใช่ สามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมในร่างกายได้โดยวิธีการต่างๆ ดังนี้ กินอาหารอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการสูดดมวัตถุขนาดเล็ก สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเมื่อจำเป็น และรีบไปพบแพทย์หากสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย

  1. สิ่งแปลกปลอมในร่างกายสามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตได้หรือไม่

คำตอบ: ได้ ในกรณีที่รุนแรง สิ่งแปลกปลอมในร่างกายอาจทำให้เสียชีวิตได้

  1. **ควรรอไปพบแพทย์เมื่อไหร่หากสงสัยว่ามีสิ่งแปล

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss