เงาะป่า ราชินีแห่งผลไม้ป่า อุดมคุณค่าทางโภชนาการ
เงาะป่า ผลไม้ป่าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ในประเทศไทยมีการปลูกเงาะป่ามากเป็นอันดับ 3 รองจากทุเรียนและมังคุด โดยมีพื้นที่ปลูกประมาณ 200,000 ไร่ และให้ผลผลิตประมาณ 300,000 ตันต่อปี
เงาะป่าเป็นผลไม้ที่มีลักษณะผลกลมรี ผิวเปลือกมีหนามแหลม สีของเปลือกผลมีตั้งแต่เขียวอ่อน เขียวเข้ม เหลือง และแดง ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เนื้อในมีสีขาวนวล หวาน ฉ่ำ รับประทานได้ทั้งผลสดและแปรรูป
สรรพคุณของเงาะป่า
เงาะป่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เช่น
-
วิตามินซี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและผิวพรรณ
-
วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ
-
โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
-
แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
-
ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจาง
นอกจากนี้ เงาะป่ายังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แคโรทีนอยด์ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยชะลอวัยและลดความเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจและโรคมะเร็ง
การปลูกเงาะป่า
เงาะป่าเป็นไม้ยืนต้นที่มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง ต้องการแสงแดดจัดตลอดวัน
โดยทั่วไปแล้ว เงาะป่าจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกประมาณ 5-7 ปี และมีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 15-20 ปี
การแปรรูปเงาะป่า
เงาะป่าสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มากมาย เช่น
- เงาะป่าเชื่อม
- เงาะป่าแห้ง
- แยมเงาะป่า
- น้ำเงาะป่า
- ไอศกรีมเงาะป่า
ผลิตภัณฑ์จากเงาะป่าเหล่านี้เป็นที่นิยมอย่างมากในตลาดเนื่องจากมีรสชาติหวาน อร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
สถานการณ์การปลูกเงาะป่าในประเทศไทย
ในปี 2565 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกเงาะป่าประมาณ 200,000 ไร่ โดยกระจุกตัวอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด รองลงมาคือภาคใต้ ภาคตะวันออก และภาคกลาง
มูลค่าทางเศรษฐกิจของเงาะป่า
มูลค่าทางเศรษฐกิจของเงาะป่าในประเทศไทยมีสูงมาก ในปี 2565 มีมูลค่าการส่งออกมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน เวียดนาม และมาเลเซีย
ตารางที่ 1 พื้นที่ปลูกเงาะป่าในประเทศไทย (ไร่)
| ภาค |
พื้นที่ปลูก |
| ตะวันออกเฉียงเหนือ |
120,000 |
| ใต้ |
40,000 |
| ตะวันออก |
25,000 |
| กลาง |
15,000 |
ตารางที่ 2 มูลค่าการส่งออกเงาะป่าของไทย (ล้านบาท)
| ปี |
มูลค่าการส่งออก |
| 2561 |
8,000 |
| 2562 |
9,000 |
| 2563 |
10,000 |
ตารางที่ 3 ปริมาณการส่งออกเงาะป่าของไทย (ตัน)
| ปี |
ปริมาณการส่งออก |
| 2561 |
100,000 |
| 2562 |
120,000 |
| 2563 |
150,000 |
เรื่องราวเกี่ยวกับเงาะป่า
ในอดีต เงาะป่าเป็นผลไม้ที่พบได้มากในป่า แต่ปัจจุบันมีการนำมาปลูกเป็นสวนมากขึ้น มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับเงาะป่าดังนี้
ในสมัยโบราณ ชาวบ้านเชื่อว่าเงาะป่าเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ หากใครได้กินเงาะป่าจะได้รับพรจากเทพเจ้า ทำให้สุขภาพแข็งแรงและมีอายุยืนยาว
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีนายพรานเข้าไปล่าสัตว์ในป่าและพบเงาะป่าจำนวนมาก เขาเก็บเงาะป่ากลับบ้านและแบ่งให้เพื่อนบ้านกิน ปรากฏว่าทุกคนที่กินเงาะป่ามีสุขภาพแข็งแรงและไม่เจ็บป่วย
มีหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่แอบรักกัน แต่ไม่กล้าบอกรักกัน หนุ่มคนนั้นจึงเก็บเงาะป่าจากป่าไปให้สาวคนนั้นทุกวัน สาวคนนั้นรู้ว่าหนุ่มคนนั้นแอบรักตน จึงรับเงาะป่าไว้ทุกครั้ง และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน
ข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงในการปลูกเงาะป่า
ในการปลูกเงาะป่า มีข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้
-
การปลูกในดินที่ไม่เหมาะสม เงาะป่าต้องการดินร่วนซุยที่มีความชื้นสูง หากปลูกในดินที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ต้นเงาะป่าเจริญเติบโตไม่ดีและให้ผลผลิตน้อย
-
การให้น้ำไม่เพียงพอ เงาะป่าต้องการน้ำในปริมาณมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง หากให้น้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลเงาะป่ามีขนาดเล็กและรสชาติไม่อร่อย
-
การใส่ปุ๋ยมากเกินไป การใส่ปุ๋ยมากเกินไปจะทำให้ต้นเงาะป่าโตเร็วเกินไปและมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นลง
-
การตัดแต่งกิ่งไม่ถูกต้อง การตัดแต่งกิ่งเงาะป่าที่ไม่ถูกต้องจะทำให้ต้นเงาะป่ามีทรงพุ่มไม่สวยงามและให้ผลผลิตน้อย
ข้อดีและข้อเสียของการปลูกเงาะป่า
การปลูกเงาะป่ามีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
ข้อดี
- มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
- ใช้พื้นที่ในการปลูกน้อย
- มีอายุการเก็บเกี่ยวที่ยาวนาน
- ทนทานต่อโรคและแมลง
ข้อเสีย
- ต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
- ให้ผลผลิตต่อปีไม่แน่นอน
- อาจประสบปัญหาโรคและแมลงได้
- การเก็บเกี่ยวลำบาก
บทสรุป
เงาะป่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สำคัญในประเทศไทย การปลูกเงาะป่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผู้ที่สนใจปลูกเงาะป่าควรศึกษาข้อมูลให้ดีและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่จะลงทุนปลูก
คำแนะนำ
หากคุณมีพื้นที่และความสนใจในการเกษตร การปลูกเงาะป่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจที่จะสร้างรายได้และคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้บริโภค
