Position:home  

เงาะป่า : ผลไม้ป่าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

เงาะป่า (ชื่อวิทยาศาสตร์: Nephelium ramboutan-ake) เป็นผลไม้ป่าที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ผลเงาะป่ามีลักษณะกลมรี เปลือกมีขนอ่อนนุ่มสีเหลืองอมน้ำตาล เนื้อในมีสีขาวใส รสชาติหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดกลมแบนสีน้ำตาลอ่อนอยู่ตรงกลาง

คุณสมบัติทางโภชนาการ

เงาะป่าอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยในผลเงาะป่า 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้

เงาะป่า

สารอาหาร ปริมาณ
พลังงาน 60 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 15 กรัม
โปรตีน 1 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
ไฟเบอร์ 2 กรัม
วิตามินซี 20 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 230 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของเงาะป่า

นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อยแล้ว เงาะป่ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย ได้แก่

  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เงาะป่าอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคข้อเสื่อม
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน วิตามินซีในเงาะป่าช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น
  • บำรุงหัวใจ โพแทสเซียมในเงาะป่าช่วยลดความดันโลหิตและบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
  • ช่วยขับถ่าย ไฟเบอร์ในเงาะป่าช่วยกระตุ้นการขับถ่าย บรรเทาอาการท้องผูก และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • บำรุงกระดูกและฟัน เงาะป่ามีแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • บำรุงผิวพรรณ วิตามินซีในเงาะป่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี

วิธีรับประทานเงาะป่า

เงาะป่าสามารถรับประทานได้โดยตรง โดยปอกเปลือกออกแล้วรับประทานเนื้อใน หรือสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น

เงาะป่า : ผลไม้ป่าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

  • น้ำเงาะป่า
  • แยมเงาะป่า
  • ไอศกรีมเงาะป่า
  • ขนมเค้กเงาะป่า

ข้อควรระวัง

แม้ว่าเงาะป่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ ได้แก่

  • ผู้ที่มีอาการแพ้เงาะ ไม่ควรรับประทานเงาะป่า เพราะอาจเกิดอาการแพ้ได้
  • ผู้ที่เป็นโรคไต ควรรับประทานเงาะป่าในปริมาณที่น้อย เพราะเงาะป่ามีโพแทสเซียมสูง ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูงได้
  • หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเงาะป่า

การเก็บรักษา

เงาะป่าสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์ โดยให้ใส่ในถุงพลาสติกหรือกล่องที่มีฝาปิด เพื่อป้องกันไม่ให้เงาะป่าแห้งและเสียรสชาติ

ตารางเปรียบเทียบประโยชน์ของเงาะป่ากับผลไม้ชนิดอื่นๆ

ผลไม้ วิตามินซี โพแทสเซียม ไฟเบอร์
เงาะป่า 20 มิลลิกรัม 230 มิลลิกรัม 2 กรัม
ส้ม 53 มิลลิกรัม 181 มิลลิกรัม 2.4 กรัม
กีวี 93 มิลลิกรัม 261 มิลลิกรัม 3.1 กรัม
สับปะรด 79 มิลลิกรัม 138 มิลลิกรัม 1.4 กรัม

ตารางปริมาณวิตามินซีในผลไม้ชนิดต่างๆ

ผลไม้ ปริมาณวิตามินซี (มิลลิกรัม)
มะขามป้อม 445
ส้ม 53
กีวี 93
สับปะรด 79
เงาะป่า 20

ตารางแสดงสัดส่วนของเงาะป่าในผลผลิตผลไม้ป่าทั้งหมด

ประเทศ สัดส่วนของเงาะป่า (%)
ไทย 80
มาเลเซีย 70
อินโดนีเซีย 65
ฟิลิปปินส์ 60

6 ข้อถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเงาะป่า

1. เงาะป่ามีกี่สายพันธุ์
ตอบ: เงาะป่ามีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมบริโภคกันมากที่สุดในประเทศไทยคือ เงาะป่าแขม ซึ่งมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว เปลือกมีขนอ่อนนุ่มสีเหลืองอมน้ำตาล

2. เงาะป่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
ตอบ: เงาะป่ามีประโยชน์มากมาย ได้แก่ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงหัวใจ ช่วยขับถ่าย บำรุงกระดูกและฟัน และบำรุงผิวพรรณ

3. กินเงาะป่ามากเกินไปได้ไหม
ตอบ: ได้ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากกินมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย และอาการแพ้ได้

เงาะป่า

4. เงาะป่าปลูกที่ไหนบ้าง
ตอบ: เงาะป่าสามารถปลูกได้ในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น เช่น ในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

5. เงาะป่าเก็บเกี่ยวได้เมื่อไร
ตอบ: เงาะป่าจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีสีเหลืองอมน้ำตาลและมีขนอ่อนนุ่ม โดยปกติแล้วจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม

6. หาซื้อเงาะป่าได้ที่ไหน
ตอบ: เงาะป่าสามารถหาซื้อได้ตามตลาดสดทั่วไป หรือสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้

Time:2024-09-06 17:55:47 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss