วัดมหาธาตุ อยุธยา สถาปัตยกรรมแห่งประวัติศาสตร์และความงาม

คำนำ

วัดมหาธาตุเป็นโบราณสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศไทย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีความสำคัญทั้งทางด้านศาสนาและวัฒนธรรม

ประวัติความเป็นมา

วัดมหาธาตุสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1850 ในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมากรทองคำขนาดใหญ่ที่อัญเชิญมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ต่อมาในปี พ.ศ. 1917 วัดมหาธาตุได้รับการบูรณะและขยายโดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) และกลายเป็นวัดหลวงประจำราชวงศ์อู่ทอง

ในปี พ.ศ. 2199 วัดมหาธาตุถูกทำลายลงเมื่อกองทัพพม่ายกทัพเข้ามาโจมตีกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในปี พ.ศ. 2352 สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดมหาธาตุขึ้นใหม่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

สถาปัตยกรรม

วัดมหาธาตุเป็นสถาปัตยกรรมแบบขอมผสมกับศิลปะอยุธยาตอนต้น มีลักษณะเป็นปรางค์ประธานรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสยอดปรางค์สูง 42 เมตร ล้อมรอบด้วยวิหารด้านหน้าและด้านข้าง ปรางค์ประธานประดับด้วยปูนปั้นรูปเทวดาและนางอัปสร มีกรอบหน้าบันประดับด้วยลวดลายปูนปั้นและกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ

ความสำคัญทางศาสนา

วัดมหาธาตุเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ มีพระพุทธปฏิมากรทองคำพระพุทธสามโลกนาถเป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในมณฑปด้านหน้าปรางค์ประธาน เชื่อกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพในการปกป้องคุ้มครองผู้ที่เคารพบูชา

ความสำคัญทางวัฒนธรรม

วัดมหาธาตุเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมและศิลปะอยุธยา เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ในปี พ.ศ. 2534

การท่องเที่ยว

วัดมหาธาตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก วัดมหาธาตุเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 50 บาท

ตารางสรุป

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

• วัดมหาธาตุเป็นที่รู้จักกันในชื่ออื่นว่า "วัดใหญ่" เนื่องจากเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในสมัยกรุงศรีอยุธยา
• ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดมหาธาตุเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของประเทศไทย
• ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. 1991-2031) พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์รอบๆ ปรางค์ประธานจำนวน 15 องค์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 8 องค์

เรื่องเล่าและบทเรียน

1. ตำนานหัวขโมย

เล่ากันว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีหัวขโมยคนหนึ่งแอบเข้ามาขโมยของในวัดมหาธาตุ แต่เมื่อหัวขโมยกำลังจะหนีออกไปก็ถูกหินทับหัวจนเสียชีวิต จึงเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้คนเกรงกลัวบาปกรรม

บทเรียน: การทำผิดกฎหมายและศีลธรรมจะนำมาซึ่งผลกรรมที่ไม่ดี

2. นักท่องเที่ยวขี้ลืม

ครั้งหนึ่งมีนักท่องเที่ยวผู้หนึ่งมาเที่ยววัดมหาธาตุและเผลอทิ้งกระเป๋ากล้องถ่ายรูปไว้ที่มณฑปหน้าปรางค์ประธาน เมื่อนึกขึ้นได้ก็รีบกลับมาตามหา แต่กลับพบว่ากระเป๋ากล้องหายไปแล้ว ทว่าในภายหลังมีคนเก็บกระเป๋ากล้องได้และนำไปฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่วัด นักท่องเที่ยวจึงได้กระเป๋ากล้องคืน

บทเรียน: ควรดูแลรักษาข้าวของให้ดีขณะท่องเที่ยว

3. พระภิกษุใจดี

มีพระภิกษุรูปหนึ่งอาศัยอยู่ในวัดมหาธาตุ พระภิกษุรูปนี้มีจิตใจเมตตาและชอบช่วยเหลือผู้คนอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งขณะที่ท่านกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ ได้พบหญิงชราคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง พระภิกษุจึงเข้าไปสอบถามและให้การช่วยเหลือ หญิงชราเล่าว่าหลานสาวของเธอป่วยหนักและไม่มีเงินรักษา พระภิกษุจึงนำหญิงชราไปที่วัดและช่วยรักษาหลานสาวจนหายเป็นปกติ

บทเรียน: การทำความดีและช่วยเหลือผู้อื่นจะนำมาซึ่งความสุขและความเจริญ

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง

• อย่าปีนป่ายหรือสัมผัสสิ่งของโบราณในวัด เนื่องจากอาจทำให้ของโบราณเสียหายได้
• อย่าส่งเสียงดังหรือทำตัวไม่เหมาะสมในวัด เนื่องจากวัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ควรเคารพและสงบเงียบ
• อย่าทิ้งขยะหรือทำลายสิ่งแวดล้อมในวัด ควรรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ

เคล็ดลับและคำแนะนำ

• ควรมาเที่ยววัดมหาธาตุในช่วงเช้าหรือเย็นเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
• หากต้องการถ่ายภาพสวยๆ ควรมาถ่ายภาพในช่วงเวลาที่แสงแดดอ่อนๆ เช่น ช่วงเช้าหรือเย็น
• ควรศึกษาประวัติและความสำคัญของวัดมหาธาตุมาล่วงหน้า เพื่อให้การท่องเที่ยวมีคุณค่าและความหมายยิ่งขึ้น
• หากมาเป็นหมู่คณะ ควรติดต่อเจ้าหน้าที่วัดเพื่อขอชมและรับฟังคำบรรยายเกี่ยวกับวัด