Position:home  

พาราเซตามอล: ยาสามัญประจำบ้านที่แฝงอันตราย

บทนำ

พาราเซตามอลเป็นยาแก้ปวดและลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาและซูเปอร์มาร์เก็ต ด้วยความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในระดับหนึ่ง พาราเซตามอลจึงเป็นยาอันดับต้นๆ ที่ผู้คนเลือกใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ แต่เบื้องหลังความปลอดภัยนั้นแฝงไปด้วยอันตรายที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง

อันตรายจากพาราเซตามอล: ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด

ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พาราเซตามอลเป็นสาเหตุหลักของภาวะตับวายเฉียบพลันทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีรายได้สูง ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 50% ของกรณีตับวายเฉียบพลันทั้งหมด และในสหรัฐอเมริกา องค์การอาหารและยา (FDA) รายงานว่า พาราเซตามอลเป็นสาเหตุของความล้มเหลวของตับที่เกี่ยวข้องกับยาถึง 56%

พารา ไซ

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากพาราเซตามอล

ปัจจัยต่างๆ ที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากพาราเซตามอล ได้แก่:

  • การใช้ยาเกินขนาด: การรับประทานพาราเซตามอลในปริมาณที่เกินขนาดสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อตับได้อย่างรุนแรง ปริมาณยาที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่คือไม่เกิน 4 กรัมต่อวัน
  • การใช้ร่วมกับแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่รับประทานพาราเซตามอลจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับอย่างมาก
  • ภาวะตับที่มีอยู่ก่อน: ผู้ที่เป็นโรคตับอยู่ก่อนแล้วมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความเสียหายของตับจากพาราเซตามอล
  • การใช้ยาร่วมกัน: การใช้พาราเซตามอลร่วมกับยาอื่นๆ บางชนิด เช่น ยาลดไขมันบางชนิด ยาต้านวัณโรค และยากันชัก อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับ

อาการของความเสียหายของตับจากพาราเซตามอล

อาการของความเสียหายของตับจากพาราเซตามอลอาจปรากฏภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา อาการทั่วไป ได้แก่:

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ปวดท้อง
  • เบื่ออาหาร
  • อ่อนเพลีย
  • ปัสสาวะสีเข้ม
  • ผิวและตาเหลือง

หากพบอาการเหล่านี้หลังจากรับประทานพาราเซตามอล ควรหยุดใช้ยาและปรึกษาแพทย์ทันที

พาราเซตามอล: ยาสามัญประจำบ้านที่แฝงอันตราย

การรักษาความเสียหายของตับจากพาราเซตามอล

การรักษาความเสียหายของตับจากพาราเซตามอลขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ในกรณีที่รุนแรงอาจจำเป็นต้องเข้ารับการปลูกถ่ายตับ

การป้องกันอันตรายจากพาราเซตามอล

เพื่อป้องกันอันตรายจากพาราเซตามอล สิ่งสำคัญคือ:

  • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยาเกินขนาดที่กำหนด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกิน 7 วัน เว้นแต่แพทย์สั่ง
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่รับประทานพาราเซตามอล
  • ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร หากมีโรคตับหรือกำลังใช้ยาอื่นๆ
  • อ่านฉลากยาอย่างละเอียด ก่อนใช้ยาเพื่อตรวจสอบปริมาณยาและคำเตือน

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้พาราเซตามอล ได้แก่:

  • คิดว่าพาราเซตามอลปลอดภัย พาราเซตามอลเป็นยาที่มีฤทธิ์รุนแรง แม้ว่าโดยทั่วไปจะปลอดภัยเมื่อใช้ตามคำแนะนำ แต่ก็สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงได้หากใช้ในทางที่ผิด
  • ใช้พาราเซตามอลเป็นประจำ การใช้พาราเซตามอลเป็นประจำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงโดยเฉพาะความเสียหายของตับ
  • ใช้พาราเซตามอลร่วมกับยาอื่นๆ โดยไม่ปรึกษาแพทย์ การใช้ยาหลายชนิดร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงได้
  • ใช้พาราเซตามอลเกิน 7 วัน การใช้พาราเซตามอลนานเกิน 7 วันอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความเสียหายของตับได้

ตารางเปรียบเทียบระหว่างพาราเซตามอลกับยาแก้ปวดอื่นๆ

ยา จุดเด่น จุดด้อย
พาราเซตามอล ลดไข้ได้ดี เสี่ยงต่อความเสียหายของตับหากใช้เกินขนาด
ไอบูโปรเฟน ลดการอักเสบได้ดี ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
แอสไพริน ลดการอักเสบได้ดี อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกได้
นาโปรเซน ลดการอักเสบได้ดี อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองได้

ตารางปริมาณยาพาราเซตามอลที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่

พาราเซตามอล: ยาสามัญประจำบ้านที่แฝงอันตราย

อายุ น้ำหนัก ปริมาณยาสูงสุดต่อวัน
18 ปีขึ้นไป 50 กก.ขึ้นไป 4,000 มก.
16-17 ปี 41-49 กก. 3,250 มก.
12-15 ปี 31-40 กก. 2,625 มก.
10-11 ปี 21-30 กก. 2,000 มก.

เรื่องราวเพื่อการเรียนรู้

เรื่องราวต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงผลที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้พาราเซตามอลในทางที่ผิด:

  • เรื่องที่ 1: หญิงสาวอายุ 25 ปีรับประทานพาราเซตามอล 8 เม็ดในครั้งเดียวเพื่อบรรเทาอาการปวดหัว เธอไม่รู้ว่าเกินขนาดยาที่ปลอดภัยและดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่รับประทานยา หลังจากนั้น 2 วัน เธอเริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้อง เธอไปพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นความเสียหายของตับเฉียบพลันจากพาราเซตามอล
  • เรื่องที่ 2: ชายวัย 40 ปีรับประทานพาราเซตามอล 2 เม็ดทุก 6 ชั่วโมงเพื่อบรรเทาอาการปวดหลังจากออกกำลังกายมาอย่างหนัก เขาไม่รู้ว่าตนเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้ตับมีความไวต่อยาพาราเซตามอลมากขึ้น หลังจากใช้ยาได้ 5 วัน เขาก็เริ่มมีอาการอ่อนเพลีย ตัวเหลือง และปัสสาวะสีเข้ม เขาไปพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นความเสียหายของตับเฉียบพลันจากพาราเซตามอล
  • เรื่องที่ 3: หญิงสูงอายุวัย 70 ปีรับประทานพาราเซตามอล 1 เม็ดทุก 8 ชั่วโมงเพื่อบรรเทาอาการอักเสบในข้อ เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังใช้ยาอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของพาราเซตามอลด้วย หลังจากใช้ยาได้ 1 สัปดาห์ เธอเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร ปวดท้อง และตัวเหลือง เธอไปพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นความเสียหายของตับเฉียบพลันจากพาราเซตามอล

ข้อสรุป

แม้ว่าพาราเซตามอลจะเป็นยาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเมื่อใช้ตามคำแนะนำ แต่ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายที่ร้ายแรงได้หากใช้ในทางที่ผิด สิ่งสำคัญคือ

Time:2024-09-07 06:57:56 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss