แสงแดดและผิวสวย สิ่งที่สาวๆ ควรรู้

บทนำ
แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อผิวพรรณอย่างมาก การได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี แต่การได้รับแสงแดดมากเกินไปก็อาจทำให้ผิวเสียได้ ดังนั้นสาวๆ จึงควรมีความรู้เกี่ยวกับผลของแสงแดดที่มีต่อผิว เพื่อดูแลปกป้องผิวของตนเองอย่างถูกต้อง

รังสี UV คืออะไร

แสงแดดประกอบด้วยรังสีหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- UVA มีความยาวคลื่นยาวที่สุด สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ลึกที่สุด
- UVB มีความยาวคลื่นปานกลาง มีพลังงานสูงกว่า UVA แต่สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังได้ตื้นกว่า
- UVC มีความยาวคลื่นสั้นที่สุด แต่พลังงานสูงที่สุด แต่ไม่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศโลกถึงพื้นผิวได้

ผลของแสงแดดต่อผิว

แสงแดดมีทั้งผลดีและผลเสียต่อผิวพรรณ ดังนี้

ผลดี
- ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดี ซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส การเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ผลเสีย
รังสี UVA
- เร่งการเสื่อมสภาพของผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวคล้ำขึ้น เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- ทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโครงสร้างของผิว ทำให้ผิวบางและเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา

รังสี UVB
- ทำให้ผิวไหม้แดง แสบร้อน
- ทำลายเซลล์ผิวหนังชั้นนอกสุด ทำให้ผิวลอกเป็นขุย
- กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวคล้ำขึ้น
- เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังชนิดสควาเมสเซลล์และเบซัลเซลล์

การดูแลผิวจากแสงแดด

การดูแลผิวจากแสงแดดทำได้โดยการปกป้องผิวจากการได้รับรังสี UV โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF และ PA ที่เหมาะสมกับสภาพผิวและกิจกรรมที่ทำ ดังนี้

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF
ค่า SPF (Sun Protection Factor) บอกถึงระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดงและมะเร็งผิวหนังชนิดสควาเมสเซลล์และเบซัลเซลล์ โดยค่า SPF แต่ละระดับจะบอกถึงระยะเวลาที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้เมื่อเทียบกับการไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ดังนี้

2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า PA
ค่า PA (Protection Grade of UVA) บอกถึงระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอย ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ และมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา โดยมีทั้งหมด 4 ระดับ ดังนี้

3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว
ผลิตภัณฑ์กันแดดมีหลายประเภท เช่น ครีม โลชั่น สเปรย์ เลือกใช้ประเภทที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง เช่น คนผิวแห้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมหรือโลชั่น คนผิวมันควรใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อเจลหรือน้ำ

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบำรุงผิว
ผลิตภัณฑ์กันแดดบางชนิดมีส่วนผสมบำรุงผิว เช่น วิตามินอี วิตามินซี สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น

5. ทาผลิตภัณฑ์กันแดดให้ทั่วและเพียงพอ
- ทาผลิตภัณฑ์กันแดดให้ทั่วใบหน้า ลำคอ และบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด
- ทาผลิตภัณฑ์กันแดดก่อนออกแดด 20-30 นาที
- หากต้องอยู่ในที่แดดเป็นเวลานาน ควรทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง

ข้อควรระวัง

การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดอาจไม่ได้ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ 100% จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-14.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่รังสี UV มีความเข้มข้นสูงที่สุด และควรสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิว ใส่หมวก และแว่นกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดเพิ่มเติมด้วย

การรักษาผิวที่เสียจากแสงแดด

หากผิวได้รับความเสียหายจากแสงแดดมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวคล้ำ ฝ้า กระ ริ้วรอย และมะเร็งผิวหนัง การรักษาผิวที่เสียจากแสงแดดทำได้โดยการรักษาตามอาการ ได้แก่

• ผิวคล้ำ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของวิตามินซี ไนอาซินาไมด์ หรืออาร์บูติน ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
• ฝ้า กระ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน กรดเรตินอยด์ หรือสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ชะเอมเทศ ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินและผลัดเซลล์ผิวที่คล้ำเสียออก
• ริ้วรอย ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ คอลลาเจน อีลาสติน หรือสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
• มะเร็งผิวหนัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง

ตารางที่ 1: ปริมาณการสัมผัสแสงแดดที่แนะนำต่อวัน

ตารางที่ 2: สัญญาณของผิวที่เสียหายจากแสงแดด

ตารางที่ 3: ประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด