Position:home  

ฟักทองเมล็ดทองคำ: ประโยชน์ล้นเหลือกว่าที่คิด

เมล็ดฟักทองเป็นอาหารสุดยอดที่เปี่ยมไปด้วยสารอาหารมากมาย โดยเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยม รวมถึงยังอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ทั้งนี้ ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกา (USDA) เมล็ดฟักทองเพียง 1 ออนซ์ (28 กรัม) ให้พลังงาน 151 กิโลแคลอรี โปรตีน 9 กรัม ไขมัน 14 กรัม ไฟเบอร์ 5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆ ดังนี้:

สารอาหารที่พบในเมล็ดฟักทอง

  • แมกนีเซียม: 168 มิลลิกรัม (42% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • ฟอสฟอรัส: 336 มิลลิกรัม (34% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • แมงกานีส: 1.29 มิลลิกรัม (65% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • สังกะสี: 2.16 มิลลิกรัม (20% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • เหล็ก: 2.7 มิลลิกรัม (15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • ทองแดง: 0.23 มิลลิกรัม (11% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • วิตามิน K: 18 ไมโครกรัม (23% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • วิตามิน B1 (ไทอามีน): 0.15 มิลลิกรัม (10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)
  • วิตามิน B3 (ไนอาซิน): 2.8 มิลลิกรัม (14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน)

ประโยชน์ต่อสุขภาพของเมล็ดฟักทอง

นอกจากจะอุดมไปด้วยสารอาหารแล้ว เมล็ดฟักทองยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าทึ่งอีกมากมาย ดังนี้:

1. บำรุงหัวใจ: เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL) ในเลือด ด้วยเหตุนี้จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้

เมล็ดฟักทอง

2. ลดความดันโลหิต: เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่ดีของแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยลดความดันโลหิต

3. ป้องกันโรคเบาหวาน: เมล็ดฟักทองมีดัชนีน้ำตาลต่ำและอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด จึงช่วยป้องกันการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลินและลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้

4. บำรุงสุขภาพต่อมลูกหมาก: เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งที่ดีของฟิโตสเตอรอลและสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดการอักเสบและป้องกันการขยายตัวของต่อมลูกหมาก

5. ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ: เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยทริปโตแฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นที่ร่างกายใช้ในการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ

ฟักทองเมล็ดทองคำ: ประโยชน์ล้นเหลือกว่าที่คิด

6. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: เมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

วิธีรับประทานเมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองสามารถรับประทานได้หลายวิธี ดังนี้:

  • แบบดิบ: เมล็ดฟักทองดิบมีรสชาติกรุบกรอบและหอมอร่อย ถือเป็นอาหารว่างที่เหมาะสำหรับคีโตเจนิคและไดเอ็ตต้านการอักเสบ
  • คั่ว: การคั่วเมล็ดฟักทองจะช่วยเพิ่มรสชาติและนำพาคุณค่าทางโภชนาการออกมา ทั้งนี้ สามารถคั่วเมล็ดฟักทองได้ในกระทะหรือเตาอบ
  • ผสมในสลัดหรือโยเกิร์ต: เมล็ดฟักทองสามารถเพิ่มความกรุบกรอบและสารอาหารให้กับสลัดหรือโยเกิร์ต
  • ทำเป็นเนยเมล็ดฟักทอง: บดเมล็ดฟักทองคั่วกับน้ำมันหรือเนยถั่วจนกลายเป็นเนื้อเนียน เนยเมล็ดฟักทองสามารถทาลงบนขนมปังหรือใช้เป็นส่วนผสมในสมูทตี้ได้
  • โรยบนพาสต้าหรือซุป: เมล็ดฟักทองสามารถเพิ่มความกรุบกรอบและรสชาติให้กับพาสต้าหรือซุปได้

ตารางเปรียบเทียบสารอาหารในเมล็ดฟักทอง

สารอาหาร 1 ออนซ์ (28 กรัม)
แคลอรี 151
โปรตีน 9 กรัม
ไขมัน 14 กรัม
ไฟเบอร์ 5 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม
แมกนีเซียม 168 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 336 มิลลิกรัม
แมงกานีส 1.29 มิลลิกรัม
สังกะสี 2.16 มิลลิกรัม
เหล็ก 2.7 มิลลิกรัม
ทองแดง 0.23 มิลลิกรัม
วิตามิน K 18 ไมโครกรัม
วิตามิน B1 (ไทอามีน) 0.15 มิลลิกรัม
วิตามิน B3 (ไนอาซิน) 2.8 มิลลิกรัม

ตารางเปรียบเทียบประโยชน์ต่อสุขภาพของเมล็ดฟักทอง

ประโยชน์ต่อสุขภาพ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
บำรุงหัวใจ มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี (LDL) และเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี (HDL)
ลดความดันโลหิต มีแมกนีเซียมและโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิต
ป้องกันโรคเบาหวาน มีดัชนีน้ำตาลต่ำและอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด
บำรุงสุขภาพต่อมลูกหมาก มีฟิโตสเตอรอลและสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบและป้องกันการขยายตัวของต่อมลูกหมาก
ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ มีทริปโตแฟนที่ช่วยในการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับ
เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่างๆ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ตารางผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคเมล็ดฟักทอง

ผลข้างเคียง อาการ
อาการแพ้ คัน ผื่นแดง บวม หายใจลำบาก
อาหารเป็นพิษ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง
การอุดตันของลำไส้ บริโภคเมล็ดฟักทองมากเกินไป

เคล็ดลับและเทคนิค

  • เลือกเมล็ดฟักทองที่ยังอยู่ในเปลือก เพราะจะช่วยป้องกันการหืนและคงความสดใหม่ได้นานขึ้น
  • เก็บเมล็ดฟักทองที่ยังอยู่ในเปลือกไว้ในที่แห
Time:2024-09-05 10:16:51 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss