เชฟตาหวาน กับเส้นทางแห่งความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา

เชฟตาหวาน หรือ นางสาวสุธาพร เพชรบูรณ์ เป็นเชฟกระทะเหล็กหญิงคนแรกของเมืองไทย ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงและแม่บ้านทั้งประเทศ ด้วยความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ และการทำงานหนักอย่างไม่ลดละ

เส้นทางของเชฟตาหวานเริ่มต้นจากคุณแม่บ้านธรรมดาๆ ที่มีความรักในการทำอาหาร เธอเริ่มต้นจากการทำอาหารให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงจนได้รับคำชมเชยเป็นอย่างมาก ความชอบและความสามารถในการปรุงอาหารของเธอจึงทำให้เธอตัดสินใจลงเรียนหลักสูตรทำอาหารที่โรงเรียนสอนทำอาหารนานาชาติเลอ กอร์ดอง เบลอ และยังได้ฝึกงานในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์ที่ฝรั่งเศส

เมื่อกลับมาเมืองไทย เธอได้ก่อตั้งร้านอาหารของตัวเองชื่อ "หวานโอชา" ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนกลายเป็นร้านอาหารอันดับต้นๆ ของนักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติ และยังได้มีโอกาสเป็นวิทยากรสอนทำอาหารให้กับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารอีกด้วย

ในปี 2014 เชฟตาหวานได้เข้าร่วมรายการเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย และกลายเป็นเชฟกระทะเหล็กหญิงคนแรกของเมืองไทย ความสามารถและความมุ่งมั่นของเธอสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างมากจนทำให้เธอได้รับรางวัลเชฟกระทะเหล็กยอดเยี่ยมแห่งปีในปีเดียวกัน

กุญแจสู่ความสำเร็จของเชฟตาหวาน

ความสำเร็จของเชฟตาหวานไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลมาจากการทำงานหนัก ความมุ่งมั่น และการไม่ยอมแพ้ของเธอ เธอกล่าวว่าเธอทำอาหารด้วยความรักและความตั้งใจ ทำให้ทุกจานที่เธอปรุงออกมามีรสชาติที่ยอดเยี่ยม

นอกจากนี้ เธอยังเน้นการใช้ วัตถุดิบสดใหม่มีคุณภาพ และการใส่ใจใน รายละเอียด ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมอาหาร การปรุงอาหาร หรือการจัดจาน ทำให้ทุกจานของเธอออกมาอย่างประณีตและน่ารับประทาน

แรงบันดาลใจจากเชฟตาหวาน

เส้นทางความสำเร็จของเชฟตาหวานเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงและแม่บ้านทั้งประเทศ เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถประสบความสำเร็จในอาชีพเชฟได้เช่นเดียวกับผู้ชาย เธอยังเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ที่ต้องการ ตามความฝัน ของตัวเอง ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหนก็ไม่ควรยอมแพ้

คำพูดสร้างแรงบันดาลใจจากเชฟตาหวาน

• "ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการทำงานหนัก ความอดทน และการไม่ยอมแพ้"
• "อย่ากลัวความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือบทเรียนที่สอนให้เราเติบโต"
• "เชื่อมั่นในตัวเองและความสามารถของตัวเอง คุณจะประสบความสำเร็จได้แน่นอน"

เมนูเด็ดจากเชฟตาหวาน

เชฟตาหวานมีเมนูอาหารมากมายที่ได้รับความนิยม แต่เมนูที่สร้างชื่อเสียงให้กับเธอมากที่สุดก็คือ

• ข้าวซอยไก่ รสชาติกลมกล่อม เข้มข้นถึงเครื่องแกง
• แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย เนื้อปลาแน่น เผ็ดกำลังดี
• สปาเก็ตตี้ต้มยำกุ้ง รสชาติจัดจ้านถึงใจ เข้มข้นด้วยน้ำต้มยำ
• ขนมปังกระเทียมชีส กรอบนอกนุ่มใน อบอวลไปด้วยกลิ่นกระเทียมและชีส

เคล็ดลับการทำอาหารจากเชฟตาหวาน

เชฟตาหวานมีเคล็ดลับในการทำอาหารมากมายที่เธอได้รวบรวมมาจากประสบการณ์ของเธอ เธอแนะนำให้ ใช้ใจทำอาหาร และใส่ใจใน รายละเอียด ทุกขั้นตอน นอกจากนี้ เธอยังเน้น การชิมอาหาร ขณะปรุงอยู่เสมอเพื่อปรับรสชาติให้ได้ตามต้องการ

สำหรับผู้ที่ต้องการทำอาหารอร่อยแบบเชฟตาหวาน เธอมีเคล็ดลับดังนี้

• ใช้เครื่องปรุงรสที่มีคุณภาพ เพราะเครื่องปรุงรสที่ดีจะช่วยชูรสชาติอาหารให้ดียิ่งขึ้น
• เลือกใช้เตาไฟแรง เพราะจะช่วยให้อาหารสุกเร็วและคงรสชาติไว้ได้ดีกว่า
• อย่าใส่เกลือหรือน้ำปลาลงไปในอาหารครั้งเดียว ควรค่อยๆ เติมแล้วชิมไปเรื่อยๆ จนได้รสชาติที่ต้องการ
• หั่นผักเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ เพราะจะช่วยให้อาหารสุกสม่ำเสมอและน่ารับประทาน

เรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจจากเชฟตาหวาน

แตงโมแกงเขียวหวาน

ครั้งหนึ่ง เชฟตาหวานได้รับเชิญไปสอนทำอาหารในรายการโทรทัศน์ เธอตัดสินใจทำเมนูแกงเขียวหวาน แต่ด้วยความผิดพลาด เธอหยิบแตงโมมาแทนที่จะเป็นฟักทอง ผลลัพธ์ที่ได้คือแกงเขียวหวานรสชาติแปลกใหม่ แต่ก็อร่อยไม่แพ้แกงเขียวหวานปกติเลย

ไข่เจียวไส้ล้น

อีกครั้งหนึ่ง เชฟตาหวานกำลังทำไข่เจียว แต่เผลอใส่ไส้มากเกินไปจนทำให้ไข่เจียวแตกออกกลางกระทะ เธอไม่ยอมแพ้ รีบตักไข่กลับลงกระทะแล้วห่อหุ้มไส้ไว้ใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือไข่เจียวไส้ล้นที่กรอบนอกนุ่มในและอร่อยมากเลย

ทอดปลาแช่น้ำปลาจนไหม้

ครั้งแรกที่เชฟตาหวานทำปลาแช่น้ำปลา เธอเผลอทอดปลาจนไหม้เกรียม แต่แทนที่จะทิ้งไป เธอตัดสินใจแล่เนื้อปลาที่ยังไม่ไหม้มาทำปลาแช่น้ำปลาใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้คือปลาแช่น้ำปลารสชาติอร่อยที่แม้แต่เชฟมืออาชีพยังต้องยอมรับ

ข้อผิดพลาดที่ควรถูกหลีกเลี่ยงในการทำอาหาร

ทุกคนย่อมทำผิดพลาดได้ แต่การรู้จักข้อผิดพลาดที่ควรถูกหลีกเลี่ยงจะช่วยให้เราทำอาหารได้ดีขึ้น เชฟตาหวานแนะนำให้หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดดังนี้

• ใช้เครื่องปรุงรสมากเกินไป เพราะจะทำให้รสชาติอาหารเค็มหรือหวานเกินไป
• ต้มอาหารนานเกินไป เพราะจะทำให้เนื้อสัมผัสของอาหารแข็งกระด้าง
• ทอดอาหารด้วยน้ำมันที่ไม่ร้อน เพราะจะทำให้อาหารอมน้ำมัน
• ใช้อุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น ใช้มีดที่ไม่คมหรือกระทะที่ไม่ไม่ติดกระทะ
• ไม่ชิมรสชาติอาหารขณะปรุง เพราะอาจทำให้รสชาติอาหารเพี้ยนไปจากที่ตั้งใจ

ข้อดีและข้อเสียของการเป็นเชฟ

การเป็นเชฟมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เหมือนกับอาชีพอื่นๆ เชฟตาหวานสรุปข้อดีและข้อเสียของการเป็นเชฟดังนี้

ข้อดี

• ได้ทำในสิ่งที่รัก สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหาร การได้เป็นเชฟคือความฝันที่เป็นจริง
• มีรายได้ดี เชฟที่มีความสามารถและประสบการณ์สูงสามารถมีรายได้ที่ดี
• ได้รับความเคารพนับถือ เชฟที่มีฝีมือดีมักได้รับการเคารพนับถือจากเพื่อนร่วมงานและลูกค้า
• ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์ เชฟสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองผ่านการทำอาหาร
• ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ อาชีพเชฟต้องคอยเรียนรู้เทคนิคและสูตรอาหารใหม่ๆ อยู่เสมอ

ข้อเสีย

• ต้องทำงานหนัก เชฟต้องทำงานเป็นเวลายาวนานและในสภาพแวดล้อมที่กดดัน
• ต้องยืนเป็นเวลานาน เชฟต้องยืนเป็นเวลานานในระหว่างทำงาน
• ต้องอดทนกับความร้อน เชฟต้องทนกับความร้อนจากเตาและเตาอบ
• ต้องรับมือกับความเครียด เชฟต้องรับมือกับความเครียดและความกดดันจากการทำงาน
• **ต้องส