Position:home  

ปริงเกิลส์: ขนมขบเคี้ยวสุดฮิตทั่วโลก

ปริงเกิลส์ (Pringles) เป็นขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยรสชาติที่หลากหลายและรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมขบเคี้ยวที่ผู้คนโปรดปรานมากที่สุดในโลก

ประวัติความเป็นมาของปริงเกิลส์

pringles

ปริงเกิลส์ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 โดย เฟรด บอริก (Frederik J. Borck) นักเคมีชาวอเมริกัน ซึ่งได้คิดค้นกรรมวิธีผลิตมันฝรั่งทอดกรอบชนิดใหม่ที่ไม่แตกง่ายและมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ จากนั้นในปี 1970 บริษัท Procter & Gamble (P&G) ได้ซื้อกิจการของปริงเกิลส์ และปัจจุบันเป็นเจ้าของแบรนด์นี้

กระบวนการผลิตปริงเกิลส์

กระบวนการผลิตปริงเกิลส์นั้นมีความซับซ้อนและพิเศษ โดยใช้มันฝรั่งที่ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน ซึ่งจะถูกนำไปแปรรูปเป็นแป้งมันฝรั่ง แป้งนี้จะถูกผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เช่น น้ำ แป้งข้าวโพด และน้ำมัน จากนั้นจะถูกขึ้นรูปเป็นแผ่นบางๆ และนำไปทอดในน้ำมันร้อนจัด

สิ่งที่ทำให้ปริงเกิลส์มีความโดดเด่นคือรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดจากการขึ้นรูปแป้งมันฝรั่งบนแม่พิมพ์ทรงพาราโบลา เมื่อทอดเสร็จแล้ว ปริงเกิลส์จะถูกปรุงรสด้วยส่วนผสมต่างๆ ที่หลากหลาย

ความนิยมทั่วโลกของปริงเกิลส์

ปริงเกิลส์เป็นขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก โดยมีการจำหน่ายในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีรสชาติให้เลือกมากกว่า 100 รสชาติ โดยรสชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Original, Sour Cream & Onion, Cheddar Cheese และ Barbecue

คุณค่าทางโภชนาการของปริงเกิลส์

เช่นเดียวกับขนมขบเคี้ยวอื่นๆ ปริงเกิลส์ไม่ใช่แหล่งสารอาหารสำคัญ แต่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการบางส่วน เช่น

  • ไขมันรวม: 5 กรัม
  • ไขมันทรานส์: 0 กรัม
  • คอเลสเตอรอล: 0 มิลลิกรัม
  • โซเดียม: 150 มิลลิกรัม
  • คาร์โบไฮเดรต: 14 กรัม
  • โปรตีน: 2 กรัม

ข้อดีของปริงเกิลส์

  • รสชาติที่หลากหลายและอร่อย
  • รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และไม่แตกง่าย
  • สะดวกในการพกพาและรับประทาน
  • มีจำหน่ายในกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

ข้อเสียของปริงเกิลส์

  • มีไขมันและโซเดียมค่อนข้างสูง
  • ไม่ใช่แหล่งสารอาหารสำคัญ
  • บรรจุภัณฑ์อาจก่อให้เกิดขยะพลาสติก

เคล็ดลับในการรับประทานปริงเกิลส์

  • รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ
  • เลือกรสชาติที่มีไขมันและโซเดียมต่ำ
  • รับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับปริงเกิลส์

  • ปริงเกิลส์มีรูปร่างคล้ายกับอานม้า เนื่องจากวิศวกรได้แรงบันดาลใจมาจากอานม้าขณะพัฒนาแม่พิมพ์ทรงพาราโบลา
  • นักบินอวกาศนำปริงเกิลส์ขึ้นไปรับประทานในอวกาศ เนื่องจากเป็นขนมขบเคี้ยวที่ไม่แตกง่ายและมีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนาน
  • มีการแข่งขันการรับประทานปริงเกิลส์กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด โดยผู้ชนะคือ เบิร์ต วินเซนต์ (Bert Vincent) ที่สามารถรับประทานปริงเกิลส์ได้ 110 ชิ้นในเวลา 60 วินาที

วิธีรับประทานปริงเกิลส์แบบ Step-by-Step

  1. เปิดกระป๋องปริงเกิลส์
  2. จับปริงเกิลส์ด้วยมือนำเข้าปาก
  3. เคี้ยวและเพลิดเพลินกับรสชาติ

ตารางเปรียบเทียบปริงเกิลส์กับขนมขบเคี้ยวอื่นๆ

ลักษณะ ปริงเกิลส์ มันฝรั่งทอดกรอบทั่วไป
รูปร่าง เป็นเอกลักษณ์ ไม่แตกง่าย แบนและแตกง่าย
รสชาติ หลากหลายและอร่อย รสชาติค่อนข้างจำกัด
ความกรอบ กรอบและคงทน กรอบ แต่แตกง่าย
ราคา ค่อนข้างแพง ถูกกว่า

ตารางคุณค่าทางโภชนาการของปริงเกิลส์รสชาติต่างๆ

ปริงเกิลส์: ขนมขบเคี้ยวสุดฮิตทั่วโลก

รสชาติ ไขมันรวม (กรัม) โซเดียม (มิลลิกรัม)
Original 5 150
Sour Cream & Onion 5 140
Cheddar Cheese 6 180
Barbecue 5 160

ตารางสารอาหารสำคัญที่พบในปริงเกิลส์

สารอาหาร ปริมาณต่อเสิร์ฟ (30 กรัม)
แคลอรี 150
ไขมันรวม 5 กรัม
คอเลสเตอรอล 0 มิลลิกรัม
โซเดียม 150 มิลลิกรัม
คาร์โบไฮเดรต 14 กรัม
โปรตีน 2 กรัม
วิตามินซี 0 มิลลิกรัม
แคลเซียม 0 มิลลิกรัม

สรุป

ปริงเกิลส์เป็นขนมขบเคี้ยวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลกด้วยรสชาติที่หลากหลาย รูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ และความสะดวกในการรับประทาน ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แหล่งสารอาหารสำคัญ แต่ก็สามารถรับประทานเป็นอาหารว่างได้ในปริมาณที่พอเหมาะ และควรเลือกรสชาติที่มีไขมันและโซเดียมต่ำ

Time:2024-09-07 14:47:20 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss