มาการอง สีสันแห่งความหวานละมุน

มาการอง ขนมหวานสุดคลาสสิกจากฝรั่งเศสที่โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์อันน่ารักน่าทาน มาการองมีต้นกำเนิดจากเมืองน็องซี ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยแม่ชีสองนางในอารามแห่งหนึ่งได้คิดค้นขนมชนิดนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอาหารมังสวิรัติในช่วงเทศกาลถือบวช

ปัจจุบัน มาการองได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติอันแสนหวานละมุน เชลล์ที่กรอบนอกนุ่มใน และสีสันที่หลากหลาย ณ ปี 2023 ตลาดมาการองทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1,950 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 2,720 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027

การผลิตมาการอง

กระบวนการผลิตมาการองต้องอาศัยความพิถีพิถันและความชำนาญขั้นสูง วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตมาการองได้แก่

• อัลมอนด์บดละเอียด
• น้ำตาลไอซิ่ง
• น้ำตาลทราย
• ไข่ขาว
• สีผสมอาหาร

เริ่มจากนำอัลมอนด์บดละเอียด น้ำตาลไอซิ่ง และน้ำตาลทรายมาผสมให้เข้ากัน จากนั้นจึงค่อยๆ ตีไข่ขาวจนขึ้นฟู แล้วจึงค่อยๆ ใส่ส่วนผสมของอัลมอนด์ลงไป โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง แล้วไล่ความเร็วในการตีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ส่วนผสมที่ข้นเหนียวและเงา

เมื่อได้ส่วนผสมของมาการองแล้ว นำมาบีบลงบนถาดอบแล้วรอให้น้ำส่วนเกินระเหยออกไปจนหมด ก่อนนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150-180 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที เมื่อมาการองสุกแล้ว จะมีผิวที่กรอบนอกและนุ่มใน

ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำมาการอง 2 ชิ้นมาประกบกันด้วยไส้ที่หลากหลาย เช่น ไส้ช็อกโกแลต ไส้สตรอเบอร์รี่ ไส้พิสตาชิโอ หรือไส้ชาเขียว เป็นต้น

ประเภทของมาการอง

มาการองมีหลากหลายประเภทและรสชาติ โดยประเภทที่นิยมได้แก่

• มาการองเปลือกกลม (Classic Macarons) มาการองแบบดั้งเดิมที่มีรูปร่างกลม มีเปลือกที่กรอบนอกนุ่มในและไส้ที่หลากหลาย
• มาการองรูปตาราง (Square Macarons) มาการองที่มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีการตกแต่งที่หลากหลายและไส้ที่แปลกใหม่
• มาการองรูปหัวใจ (Heart Macarons) มาการองที่มีรูปร่างเป็นหัวใจ เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญในวันพิเศษ
• มาการองรูปสัตว์ (Animal Macarons) มาการองที่มีรูปร่างเป็นสัตว์ต่างๆ เช่น หมี แมว สุนัข ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆ

คุณประโยชน์ของมาการอง

แม้ว่ามาการองจะเป็นขนมที่มีรสชาติหวานและมีแคลอรีสูง แต่ก็มีคุณประโยชน์บางประการ เนื่องจากมีส่วนผสมของอัลมอนด์บดละเอียด ซึ่งเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีน ไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ

นอกจากนี้ มาการองยังมีปริมาณกลูเตนต่ำ และไม่ใส่นม เนย หรือไข่ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่แพ้หรือไม่สามารถกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ได้

ผลกระทบด้านลบของมาการอง

อย่างไรก็ตาม การกินมาการองมากเกินไปอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสุขภาพได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลและแคลอรีสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนัก โรคฟันผุ และโรคเรื้อรังอื่นๆ ได้

ตารางเปรียบเทียบมาการองประเภทต่างๆ

ตารางข้อมูลโภชนาการมาการอง

ตารางข้อมูลการเก็บรักษาและการบริโภคมาการอง

กลยุทธ์การจัดการมาการอง

เพื่อจัดการมาการองให้คงความสดใหม่และอร่อยอยู่เสมอ ควรใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้

• จัดเก็บมาการองในภาชนะที่กันลมได้ดี เมื่อมาการองสัมผัสกับอากาศ จะทำให้สูญเสียความชื้นและกรอบได้ง่าย
• เก็บมาการองในตู้เย็น อุณหภูมิต่ำจะช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของมาการองได้
• อย่าวางมาการองทับกัน การวางมาการองทับกันอาจทำให้เกิดการเสียรูปและชำรุดได้
• รอให้อุ่นขึ้นก่อนกิน หากนำมาการองออกมาจากตู้เย็น ควรรอให้อุ่นขึ้นที่อุณหภูมิห้องก่อนกิน เพื่อให้เนื้อมาการองนุ่มละมุนยิ่งขึ้น

เรื่องราวสนุกๆ เกี่ยวกับมาการอง

• ความผิดพลาดของเชฟใหญ่ เชฟหนุ่มผู้ทะเยอทะยานในปารีสกำลังทำมาการองอยู่ แต่บังเอิญใส่น้ำตาลมากเกินไป ผลที่ได้คือมาการองที่หวานมากเกินไปจนทำให้ฟันผุ แต่กลับได้รับความนิยมจนกลายเป็นมาการองรสชาติใหม่
• มาการองที่ลอยฟ้า มีหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังจะนำมาการองไปให้เพื่อนในหอพัก แต่บังเอิญทำกล่องมาการองตกลงไปในลิฟต์ ลิฟต์พุ่งขึ้นสูงพร้อมกับมาการองที่กระเด็นไปทั่วทั้งลิฟต์ สร้างความตกใจให้กับผู้โดยสารคนอื่นๆ
• มาการองที่ช่วยชีวิต นักปีนเขาคนหนึ่งกำลังปีนเขาอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย แต่บังเอิญได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถเดินต่อได้ เขาเหลือเพียงมาการองกล่องหนึ่ง จึงกินไปเรื่อยๆ เพื่อประทังชีวิตจนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือ

เรื่องราวเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามาการองไม่เพียงแต่เป็นขนมหวานที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างเรื่องราวที่น่าจดจำได้อีกด้วย

ข้อดีและข้อเสียของมาการอง

ข้อดี

• รสชาติหวานละมุน
• เชลล์ที่กรอบนอกนุ่มใน
• สีสันที่หลากหลาย
• เหมาะสำหรับทุกโอกาส
• เป็นแหล่งของโปรตีนและไฟเบอร์

ข้อเสีย

• แคลอรีสูง
• ปริมาณน้ำตาลสูง
• อาจทำให้ฟันผุได้
• ต้องเก็บรักษาอย่างระมัดระวัง

ข้อสรุป

มาการองเป็นขนมหวานสุดคลาสสิกที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติอันแสน