ปี 2020 ที่สูญเปล่า: ก้าวต่อไปจากความเสียดาย

ปี 2020 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ที่ทำให้ชีวิตปั่นป่วนไปหมด หรือความสูญเสียทางการเงินที่หลายคนต้องเผชิญ แต่เมื่อปี 2020 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เราก็ต้องก้าวต่อไปและเรียนรู้จากความผิดพลาดของเรา เพื่อไม่ให้เกิดความเสียดายซ้ำสองในอนาคต

ผลกระทบของ COVID-19

การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลก ธนาคารโลกประมาณการว่าการเติบโตของ GDP ทั่วโลกจะหดตัว 4.4% ในปี 2020 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งใหญ่ครั้งที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

ในประเทศไทย ผลกระทบจาก COVID-19 ก็สาหัสไม่แพ้กัน ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะหดตัว 7.8% ในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการหดตัวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 1997

ตาราง 1: ผลกระทบทางเศรษฐกิจจาก COVID-19

ความสูญเสียทางการเงิน

การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ไม่เพียงส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังทำให้หลายคนต้องสูญเสียรายได้และการออมด้วย จากการสำรวจของ World Economic Forum พบว่า 56% ของผู้คนทั่วโลกสูญเสียรายได้เนื่องจาก COVID-19

ในประเทศไทย ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า 43% ของประชาชนไทยสูญเสียรายได้ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่

ตาราง 2: ความสูญเสียทางการเงินที่เกิดจาก COVID-19

บทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากปี 2020

แม้ว่าปี 2020 จะเป็นปีที่ยากลำบาก แต่ก็เป็นปีที่เราได้เรียนรู้บทเรียนอันมีค่าหลายอย่าง บทเรียนเหล่านี้จะช่วยให้เราเตรียมตัวรับมือกับความท้าทายในอนาคตได้ดีขึ้น

ตาราง 3: บทเรียนที่ได้จากปี 2020

หมวดหมู่กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ

เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียดายในอนาคต เราต้องนำบทเรียนที่ได้มาใช้ในชีวิตจริง นี่คือกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพบางประการที่สามารถช่วยได้

สร้างแผนทางการเงินที่มั่นคง

• ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและสร้างแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น
• ออมเงินอย่างสม่ำเสมอและลงทุนอย่างชาญฉลาด
• ลดหนี้ให้มากที่สุดเพื่อลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน

กระจายความเสี่ยง

• อย่าพึ่งพาการจ้างงานเพียงแหล่งเดียว
• สร้างแหล่งรายได้หลายๆ ทาง เพื่อลดความเสี่ยงของการสูญเสียรายได้
• ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงลงทุน

ป้องกันตัวเองทางการเงิน

• ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อปกป้องตัวเองและครอบครัวจากค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
• สร้างกองทุนฉุกเฉินเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินในกรณีที่สูญเสียรายได้

เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ

เรื่องราวต่อไปนี้อาจฟังดูตลกขบขัน แต่ก็สอนบทเรียนอันมีค่าเกี่ยวกับการรับมือกับความผิดหวังทางการเงิน

เรื่องที่ 1: นักลงทุนผู้ใจแตก

John เป็นนักลงทุนวัยหนุ่มที่สูญเสียเงินเก็บทั้งหมดจากการลงทุนหุ้นที่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาโกรธจัดและตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไปตลอดชีวิต อย่างไรก็ตาม หลายปีต่อมา เมื่อตลาดหุ้นฟื้นตัวขึ้น จอห์นก็พลาดโอกาสที่จะได้กำไรมหาศาลไป

บทเรียน: อย่าตัดสินใจทางการเงินด้วยอารมณ์ เมื่อตลาดหุ้นตกต่ำ ให้ใจเย็นและคิดอย่างมีเหตุผล

เรื่องที่ 2: นักเดิมพันที่เสพติด

Mary เป็นนักพนันตัวยงที่มักใช้เงินเกินตัวเพื่อพนันกับเกมกีฬา เธอหวังว่าจะได้เงินก้อนโต แต่ในที่สุดเธอก็สูญเสียเงินทั้งหมดไป

บทเรียน: หลีกเลี่ยงการพนันหากคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ การพนันเป็นวิธีที่แน่นอนที่จะทำให้คุณสูญเสียเงิน

เรื่องที่ 3: คนใจง่ายที่ถูกหลอก

Tom เป็นคนใจดีที่มักจะช่วยเหลือเพื่อนและครอบครัว เมื่อเพื่อนคนหนึ่งขอให้เขาค้ำประกันสินเชื่อ เขาก็เต็มใจตกลงโดยไม่คิดอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเพื่อนคนนั้นเบี้ยวไม่ยอมจ่ายหนี้ Tom ก็ต้องแบกรับหนี้สินทั้งหมดไว้เอง

บทเรียน: อย่าให้คนอื่นยืมเงินหากคุณไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจ่ายคืนได้

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง

เมื่อพูดถึงการวางแผนทางการเงิน หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั่วไปเหล่านี้

ใช้จ่ายเกินตัว

การใช้จ่ายเกินตัวเป็นวิธีที่แน่นอนที่จะทำให้คุณประสบปัญหาทางการเงิน ให้จดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตามค่าใช้จ่ายของคุณ และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป

ไม่วางแผนอนาคต

หลายคนใช้ชีวิตวันต่อวันโดยไม่คิดถึงอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ให้ตั้งเป้าหมายทางการเงินและวางแผนเพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น

หลีกเลี่ยงการลงทุน

การลงทุนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มเงินออมของคุณ แต่หลายคนหลีกเลี่ยงการลงทุนเพราะกลัวที่จะสูญเสียเงิน อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายช่วยกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

ขั้นตอนทีละขั้นตอนเพื่อการวางแผนทางการเงินที่ประสบความสำเร็จ

1. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน: กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เช่น ซื้อบ้าน เกษียณอายุด้วยความมั่งคั่ง หรือส่งลูกเรียน
2. สร้างงบประมาณ: บันทึกรายรับและรายจ่ายของคุณเพื่อติดตามการใช้จ่ายและระบุพื้นที่ที่สามารถประหยัดได้
3. ลดหนี้: ชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงให้หมดก่อน แล้วค่อยไปชำระหนี้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
4. ออมเงิน: ออมเงินเป็นประจำในบัญชีดอกเบี้ยสูง หรือลงทุนในกองทุนรวมหรือหุ้น
5. ลงทุนอย่างชาญฉลาด: ทำวิจัยและลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์
6. ตรวจสอบแผนของคุณ: ตรวจสอบ