Position:home  

ต่อมน้ำเหลืองโต: ความผิดปกติที่พบบ่อยแต่ไม่ควรมองข้าม

ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำหน้าที่กรองและกำจัดสิ่งแปลกปลอม รวมถึงแบคทีเรีย ไวรัส และเซลล์มะเร็ง เมื่อร่างกายติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืองจะบวมและอักเสบ ซึ่งเป็นสัญญาณว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังทำงาน

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต

ต่อมน้ำเหลืองโตอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ดังนี้:

  • การติดเชื้อ: เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ และต่อมทอนซิลอักเสบ
  • มะเร็ง: เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งเต้านม
  • โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง: เช่น เอดส์ และโรคลูปัส
  • ปฏิกิริยาแพ้: เช่น อาหาร ยา และสารเคมี
  • การบาดเจ็บหรือการแพ้เฉพาะที่: เช่น แผลพุพอง การถูกแมลงกัดต่อย และการฉีดวัคซีน

อาการของต่อมน้ำเหลืองโต

อาการของต่อมน้ำเหลืองโต ได้แก่:

ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ

  • ก้อนบวมที่นิ่มหรือแข็งใต้ผิวหนังบริเวณคอ รักแร้ หรือขาหนีบ
  • ก้อนบวมมีขนาดตั้งแต่เล็กเท่าถั่วไปจนถึงใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ
  • อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่เจ็บเมื่อกด
  • อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ หนาวสั่น และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

การวินิจฉัยและการรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

การวินิจฉัยต่อมน้ำเหลืองโตโดยทั่วไปแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกาย หากจำเป็น แพทย์อาจสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น:

  • การเจาะเลือด: เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • การตัดชิ้นเนื้อต่อมน้ำเหลือง: เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็งหรือโรคอื่นๆ

การรักษาต่อมน้ำเหลืองโตจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิด ดังนี้:

  • การติดเชื้อ: รักษาด้วยยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส
  • มะเร็ง: รักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด หรือรังสีรักษา
  • โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง: รักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือยาภูมิคุ้มกันบำบัด
  • ปฏิกิริยาแพ้: หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และอาจใช้ยาต้านฮีสตามีนในการรักษาอาการ
  • การบาดเจ็บหรือการแพ้เฉพาะที่: ปล่อยให้หายเองหรือรักษาตามอาการ

ตารางสรุปสาเหตุ อาการ และการรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

สาเหตุ อาการ การรักษา
การติดเชื้อ ก้อนบวมที่นิ่ม เจ็บเมื่อกด อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัส
มะเร็ง ก้อนบวมที่แข็ง ไม่เจ็บเมื่อกด อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น น้ำหนักลด อ่อนเพล เหงื่อออกตอนกลางคืน การผ่าตัด เคมีบำบัด หรือรังสีรักษา
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก้อนบวมอาจมีหรือไม่มีก็ได้ อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ติดเชื้อบ่อยๆ อ่อนเพล มีผื่น ยาต้านไวรัสหรือยาภูมิคุ้มกันบำบัด

Tips and Tricks

  • ประคบเย็นที่ต่อมน้ำเหลืองที่โตเพื่อช่วยลดอาการบวมและเจ็บ
  • หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบต่อมน้ำเหลืองที่โต
  • หากต่อมน้ำเหลืองโตไม่หายหรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์

Common Mistakes to Avoid

  • อย่าปล่อยให้ต่อมน้ำเหลืองโตโดยไม่ไปพบแพทย์แม้ว่าจะไม่เจ็บก็ตาม
  • อย่ากดหรือบีบต่อมน้ำเหลืองที่โต เพราะอาจทำให้การติดเชื้อลุกลามได้
  • อย่าซื้อยารับประทานเองหากไม่แน่ใจว่าต่อมน้ำเหลืองโตเกิดจากอะไร
  • อย่าละเลยนัดตรวจติดตามกับแพทย์หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองโต

How to Step-by-Step Approach

  • ขั้นตอนที่ 1: สังเกตลักษณะของต่อมน้ำเหลืองที่โต ได้แก่ ขนาด ความแข็ง ความเจ็บ และตำแหน่ง
  • ขั้นตอนที่ 2: จดบันทึกอาการอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น ไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • ขั้นตอนที่ 3: ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้อง
  • ขั้นตอนที่ 4: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรักษาและติดตามอาการ
  • ขั้นตอนที่ 5: แจ้งแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการใหม่ๆ ปรากฏ

Pros and Cons

ข้อดีของการรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

ต่อมน้ำเหลืองโต: ความผิดปกติที่พบบ่อยแต่ไม่ควรมองข้าม

สาเหตุของต่อมน้ำเหลืองโต

  • ช่วยรักษาสาเหตุที่ทำให้เกิดต่อมน้ำเหลืองโต
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อลุกลามหรือมะเร็ง
  • บรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการบวมและเจ็บ
  • ช่วยให้สามารถตรวจหาและวินิจฉัยโรคร้ายแรงได้ตั้งแต่ระยะแรก

ข้อเสียของการรักษาต่อมน้ำเหลืองโต

  • อาจมีผลข้างเคียงจากการรักษา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หรือผมร่วง (ในกรณีของการรักษาด้วยเคมีบำบัด)
  • การรักษาอาจมีค่าใช้จ่ายสูง
  • อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในบางกรณี

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss