ฟานไดค์: ยอดปราการผู้กำหนดมาตรฐานแห่งเกมรับยุคใหม่

ฟานไดค์ ยอดปราการเหนือชั้น

เวอร์จิล ฟานไดค์ กองหลังจอมแกร่งชาวดัตช์ ได้กลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่เก่งกาจที่สุดในโลกในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรากฏตัวของเขาในทีม ลิเวอร์พูล ได้ปฏิวัติแนวรับของทีมและผลักดันสโมสรไปสู่ความสำเร็จมากมาย

ฟานไดค์ เป็นที่รู้จักจากร่างกายที่แข็งแกร่ง ความเร็วที่โดดเด่น และความสามารถในการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม เขายังเป็นนักโหม่งที่ดีเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาเป็นภัยคุกคามในกรอบเขตโทษทั้งสองฝั่ง

สถิติที่น่าประทับใจ

สถิติของ ฟานไดค์ นั้นน่าประทับใจอย่างไม่ต้องสงสัย:

• ยิงประตูได้ 16 ประตูจาก 184 นัดให้กับลิเวอร์พูล (ณ เดือนมกราคม 2023)
• 44 คลีนชีตจาก 120 นัดในพรีเมียร์ลีก
• ช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 1 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, เอฟเอคัพ 1 สมัย และลีกคัพ 1 สมัย
• ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ (PFA) ในปี 2019 และ 2020

ส่วนสำคัญในการปฏิวัติแนวรับของลิเวอร์พูล

เมื่อ ฟานไดค์ ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลในเดือนมกราคม 2018 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ เขาได้ปฏิวัติแนวรับของทีมในทันที การปรากฏตัวของเขาช่วยสร้างความมั่นใจและความมั่นคงให้กับแนวรับ และช่วยลดจำนวนประตูที่ทีมเสียไปอย่างมาก

ก่อนที่ ฟานไดค์ จะมาร่วมทีม ลิเวอร์พูลเสียไป 28 ประตูจาก 17 นัดในพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากการมาถึงของเขา พวกเขาเสียไปเพียง 10 ประตูจาก 13 นัดในช่วงที่เหลือของฤดูกาล

ผลกระทบต่อทีมชาติเนเธอร์แลนด์

ฟานไดค์ ยังเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เขาเป็นกัปตันทีมและมีส่วนสำคัญในการพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของยูฟ่า เนชันส์ลีก ในปี 2019

รางวัลและเกียรติยศ

ฟานไดค์ ได้รับรางวัลมากมายตลอดอาชีพการงานของเขา รวมถึง:

• นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ในปี 2019
• กองหลังยอดเยี่ยมแห่งปีของยูฟ่า ในปี 2019 และ 2020
• นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (PFA) ในปี 2019 และ 2020

ชีวิตส่วนตัว

นอกสนาม ฟานไดค์ เป็นคนที่ใจดีและถ่อมตัว เขาแต่งงานกับ ริกเก่ โคเชอร์ และมีลูกสองคน

บทสรุป

ฟานไดค์ เป็นกองหลังที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับเกมรับฟุตบอลสมัยใหม่ เขาเป็นผู้นำที่แท้จริงบนและนอกสนาม และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นรุ่นใหม่นับไม่ถ้วน

ตารางที่ 1: สถิติที่สำคัญของเวอร์จิล ฟานไดค์

ตารางที่ 2: รางวัลที่ได้รับ

ตารางที่ 3: ช่วงเวลาที่น่าจดจำของฟานไดค์กับลิเวอร์พูล

เรื่องราวที่ 1: อารมณ์ขันที่ออสเตรีย

ระหว่างการแข่งขันทีมชาติกับออสเตรีย ฟานไดค์ ได้ยิงฟรีคิกที่พุ่งตรงเข้าประตูของตัวเอง แต่โชคดีที่ลูกบอลไปถูกคานแทน ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาจึงหันไปหาเพื่อนร่วมทีมและพูดว่า: "ไม่เป็นไร ฉันแค่อยากทดสอบความแข็งแกร่งของคาน"

บทเรียน: แม้แต่ข้อผิดพลาดก็สามารถนำมาซึ่งเสียงหัวเราะได้

เรื่องราวที่ 2: การประชดกับไคล์ วอล์คเกอร์

ในช่วงการแข่งขันการกุศลระหว่างทีมชาติอังกฤษกับทีมชาติโลก ฟานไดค์ ได้ประกบกับ ไคล์ วอล์คเกอร์ กองหลังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟานไดค์ บอก วอล์คเกอร์ ว่าเขาเร็วกว่า แต่ วอล์คเกอร์ ก็ไม่เชื่อ

ในการแข่งขันครั้งนั้น ฟานไดค์ ได้วิ่งแซง วอล์คเกอร์ ในหลายๆ จังหวะ และหลังจบเกม เขาจึงพูดว่า: "ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเร็วกว่า"

บทเรียน: อย่าประเมินคนอื่นต่ำเกินไป

เรื่องราวที่ 3: การหยอกล้อกับโรแบร์โต้ เฟอร์มิโน

ฟานไดค์ เป็นเพื่อนที่ดีกับ โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน กองหน้าลิเวอร์พูล ในการฝึกซ้อมครั้งหนึ่ง เฟอร์มิโน กำลังยิงประตูจากระยะใกล้ แต่ ฟานไดค์ ก็มาสกัดบอลได้อย่างน่าทึ่ง

เฟอร์มิโน จึงหันไปหา ฟานไดค์ ด้วยความหงุดหงิดและพูดว่า: "ทำไมนายต้องทำอย่างนี้กับฉันด้วย"

ฟานไดค์ ก็ตอบกลับอย่างขี้เล่นว่า: "ฉันแค่ต้องการให้แน่ใจว่านายจะไม่ทำประตูใส่นายประตูเราในวันเสาร์นี้"

บทเรียน: แม้แต่ในช่วงเวลาที่เคร่งเครียด ก็ยังมีที่ว่างสำหรับอารมณ์ขัน

เหตุใดฟานไดค์จึงมีความสำคัญ

ฟานไดค์ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทีมลิเวอร์พูลด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:

• ความเป็นผู้นำ: เขาเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวและบนสนาม
• ความมั่นคง: เขาช่วยทำให้แนวรับของลิเวอร์พูลมั่นคงและเชื่อถือได้
• การโจมตีจากลูกตั้งเตะ: เขาเป็นหนึ่งในกองหลังที่ทำประตูได้ดีที่สุดในโลกจากลูกตั้งเตะ
• การสร้างความมั่นใจ: การปรากฏตัว