Position:home  

โรคสังข์ทอง: ภัยเงียบที่ร้ายแรง กล้ารู้ กล้ารับ กล้ารักษาชีวิต

โรคสังข์ทอง หรือที่รู้จักกันในชื่อโรค "เอดส์" (HIV/AIDS) คือภัยเงียบที่คุกคามชีวิตมนุษย์มานานนับสิบปี ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคเอดส์กว่า 38 ล้านคน โดยจากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลกรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ถึง 1.5 ล้านคนในปี 2021

โรคสังข์ทองเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV (Human Immunodeficiency Virus) เมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปทำลายเซลล์ภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ที่มีหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อต่างๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ส่งผลให้ร่างกายติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่ายขึ้น

อาการของโรคสังข์ทอง

ในระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อเชื้อไวรัสเพิ่มจำนวนมากขึ้นในร่างกาย อาการของโรคจะเริ่มแสดงออก ได้แก่

โรคสังข์ทอง

  • ไข้
  • อ่อนเพลีย
  • ต่อมน้ำเหลืองโต
  • ผื่นแดงตามตัว
  • เจ็บคอ
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • ท้องเสีย

เมื่อโรคดำเนินไปถึงระยะที่รุนแรงหรือระยะเอดส์ ผู้ป่วยจะมีอาการติดเชื้อฉวยโอกาสต่างๆ เช่น

โรคสังข์ทอง: ภัยเงียบที่ร้ายแรง กล้ารู้ กล้ารับ กล้ารักษาชีวิต

  • ปอดบวมจากเชื้อ Pneumocystis carinii pneumonia (PCP)
  • วัณโรค
  • โรคของระบบประสาทและสมอง
  • มะเร็งบางชนิด

การรักษาโรคสังข์ทอง

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มีการรักษาด้วยยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy: ART) ซึ่งสามารถช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส ป้องกันไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อฉวยโอกาส การรักษาด้วยยาต้านไวรัสต้องใช้ทุกวันและต้องใช้ต่อเนื่องตลอดชีวิต

การป้องกันโรคสังข์ทอง

โรคสังข์ทองสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

โรคสังข์ทอง

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV สม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
  • ใช้ยา PrEP (Pre-exposure Prophylaxis) เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสังข์ทอง

มีหลายความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคสังข์ทองที่ทำให้ผู้คนเกิดความกลัวและรังเกียจผู้ป่วย ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองจะตายในเวลาอันสั้น ไม่จริง ปัจจุบันมีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้
  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองไม่ควรออกไปอยู่ในที่สาธารณะ ไม่จริง ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถอยู่ในที่สาธารณะได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถติดต่อเชื้อได้ทางการสัมผัส ไม่จริง เชื้อไวรัส HIV ไม่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทั่วไป

ตารางที่ 1: ข้อมูลสถิติโรคสังข์ทองทั่วโลก

ประเด็น ข้อมูล
ผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วโลก 38 ล้านคน
ผู้ติดเชื้อ HIV รายใหม่ในปี 2021 1.5 ล้านคน
ผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์ในปี 2021 680,000 คน

ตารางที่ 2: กลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อ HIV สูง

กลุ่มเสี่ยง เหตุผล
ผู้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ HIV เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย
ผู้ใช้สารเสพติดและใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสสามารถแพร่เชื้อไปยังผู้ใช้คนอื่นๆ
บุคลากรทางการแพทย์ อาจมีความเสี่ยงจากการสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV

ตารางที่ 3: วิธีป้องกันโรคสังข์ทอง

วิธีป้องกัน ประสิทธิภาพ
ใช้ถุงยางอนามัย ป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 98%
ตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ช่วยวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาได้ทันที
ใช้ยา PrEP ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้สูงถึง 99%

กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสังข์ทอง

  • ให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคสังข์ทองและวิธีป้องกัน
  • จัดทำแคมเปญรณรงค์ส่งเสริมการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV
  • เพิ่มการเข้าถึงบริการตรวจและรักษาโรคสังข์ทอง
  • ลดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยโรคสังข์ทอง

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรถูกหลีกเลี่ยง

  • ไม่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ไม่ตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIVอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา PrEPเมื่อมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV
  • เลือกปฏิบัติต่อผู้ป่วยโรคสังข์ทอง

คำถามที่พบบ่อย

  • โรคสังข์ทองติดได้อย่างไร?
    ตอบ: โรคสังข์ทองติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน และการรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์จากเลือดที่มีเชื้อไวรัส HIV

  • ผู้หญิงท้องที่ติดเชื้อ HIV สามารถแพร่เชื้อให้ลูกได้หรือไม่?
    ตอบ: ได้ หากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เชื้อไวรัส HIV สามารถแพร่จากแม่สู่ลูกได้ในระหว่างตั้งครรภ์ คลอดบุตร หรือให้นมบุตร

  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถมีบุตรได้หรือไม่?
    ตอบ: ได้ หากได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถมีบุตรได้โดยไม่แพร่เชื้อให้แก่เด็ก

  • โรคสังข์ทองรักษาได้หายขาดหรือไม่?
    ตอบ: ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่มีการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้ป่วยสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพได้

  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถมีชีวิตปกติได้หรือไม่?
    ตอบ: ได้ หากได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถมีชีวิตที่ปกติ สุขภาพแข็งแรง และมีอายุขัยใกล้เคียงกับคนทั่วไป

  • ผู้ป่วยโรคสังข์ทองสามารถบริจาคอวัยวะได้หรือไม่?
    ตอบ: ไม่ได้ ตามหลักเกณฑ์แล้ว ผู้ป่วยโรคสังข์ทองไม่สามารถบริจาคอวัยวะได้ เนื่องจากอาจมีเชื้อไวรัส HIV ปนเปื้อนในอวัยวะ

คำแนะนำ

เพื่อปกป้องตัวคุณเองและคนที่คุณรักจากโรคสังข์ทอง โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้

  • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
Time:2024-09-09 10:42:24 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss