ศึกแห่งแชมป์ยุโรป: เรียล มาดริดผงาดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 14

ในค่ำคืนอันยิ่งใหญ่ที่สนามสต๊าด เดอ ฟรองซ์ ในเมืองปารีส เรอัล มาดริด ได้สร้างตำนานบทใหม่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 14 หลังจากเอาชนะ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลไปอย่างหวุดหวิด 1-0

เส้นทางสู่บัลลังก์

การเดินทางของเรอัล มาดริดสู่ถ้วยแชมป์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม โดยเริ่มจากการเอาชนะอินเตอร์ มิลาน 1-0 จากนั้นก็เอาชนะเชอริฟฟ์ ติราสโปล 3-0 และชัคตาร์ โดเนตสค์ 2-1

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เรอัล มาดริดเผชิญหน้ากับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีมจ่าฝูงแห่งลีกเอิง และแม้ว่าจะแพ้ในเลกแรกที่ปารีส 1-0 แต่พวกเขาก็แสดงความแข็งแกร่งในเลกที่สองด้วยการเอาชนะ 3-1 ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาพบกับเชลซี เจ้าของแชมป์ในปี 2021 แต่ก็สามารถเอาชนะได้ทั้งสองเลกด้วยสกอร์ 3-1 และ 5-4 ตามลำดับ

ในรอบรองชนะเลิศ เรอัล มาดริดต้องเผชิญหน้ากับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีก แต่ก็สามารถเอาชนะได้อย่างน่าทึ่งในเลกที่สองที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว โดยตามหลังไป 1-0 แต่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ถึง 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ

นัดชิงชนะเลิศประวัติศาสตร์

นัดชิงชนะเลิศระหว่างเรอัล มาดริดและลิเวอร์พูลเป็นการแข่งขันที่สูสีและดุเดือด ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสมากมายที่จะทำประตู แต่ต้องรอจนถึงนาทีที่ 59 กว่าที่ วินิซิอุส จูเนียร์ จะสามารถยิงประตูชัยได้จากการผ่านบอลของ เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้

ประตูของวินิซิอุส จูเนียร์กลายเป็นประวัติศาสตร์เมื่อทำให้เรอัล มาดริดคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 14 ซึ่งมากที่สุดในบรรดาทีมทั้งหมดที่ลงแข่งขันในรายการนี้

การเฉลิมฉลองและมรดก

หลังจากสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ผู้เล่นและแฟนๆ ของเรอัล มาดริดก็ได้เฉลิมฉลองชัยชนะอย่างสุดเหวี่ยงทั้งในสนามและในเมืองมาดริด

ด้วยชัยชนะครั้งนี้ เรอัล มาดริดได้สร้างมรดกอันล้ำค่าในโลกฟุตบอล พวกเขากลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้ถึง 5 สมัยในช่วงเวลา 9 ปี และเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ได้ถึง 3 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ปี 1976

สถิติและเกร็ดความรู้

• เรอัล มาดริดเป็นทีมที่มีคะแนนสูงสุดในรอบแบ่งกลุ่มของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2022 ด้วยการคว้าชัยชนะ 5 จาก 6 นัด
• วิ