มะพร้าวแก้วเชียงคาน มรดกล้ำค่าแห่งวิถีไทย

มะพร้าวแก้วเชียงคาน ขนมไทยโบราณประจำจังหวัดเลย ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอันแสนหวาน หอมกรุ่น เนื้อนุ่มหนึบ แถมประโยชน์ล้นเหลือ นับเป็นของฝากสุดเลื่องชื่อที่นักท่องเที่ยวทุกท่านต้องซื้อติดไม้ติดมือเมื่อมาเยือนเชียงคาน

ประวัติความเป็นมาของมะพร้าวแก้วเชียงคาน

มะพร้าวแก้วเชียงคานมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี โดยเริ่มจาก หม่อมคำภู สิงหะเสนี ธิดาเจ้าเมืองเชียงคานในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านได้ริเริ่มนำมะพร้าวมาแปรรูปเพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ในวัดต่างๆ จนมีการพัฒนาสูตรและรสชาติจนกลายเป็นมะพร้าวแก้วดังที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

สารอาหารที่อัดแน่นในมะพร้าวแก้วเชียงคาน

มะพร้าวแก้วเชียงคานอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย อาทิ

• เส้นใยอาหาร: ช่วยในการย่อยอาหารและลดระดับคอเลสเตอรอล
• ไขมันดี (HDL): ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
• วิตามินอี: มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
• ธาตุเหล็ก: ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง
• โพแทสเซียม: ช่วยควบคุมความดันโลหิต

ประโยชน์ของการรับประทานมะพร้าวแก้วเชียงคาน

นอกจากรสชาติที่แสนอร่อยแล้ว มะพร้าวแก้วเชียงคานยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่

ดีต่อระบบย่อยอาหาร

เส้นใยอาหารในมะพร้าวแก้วช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องผูก และช่วยดูดซับสารพิษในร่างกาย

บำรุงหัวใจ

ไขมันดี (HDL) ในมะพร้าวแก้วช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคหัวใจและหลอดเลือด

ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

วิตามินอีในมะพร้าวแก้วมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันเซลล์จากการถูกทำลายจากสารพิษต่างๆ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง

บำรุงเลือด

ธาตุเหล็กในมะพร้าวแก้วช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันภาวะโลหิตจาง

ควบคุมความดันโลหิต

โพแทสเซียมในมะพร้าวแก้วช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ

สรรพคุณทางยาของมะพร้าวแก้วเชียงคาน

นอกจากประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว มะพร้าวแก้วเชียงคานยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ได้แก่

• แก้ท้องเสีย: รับประทานมะพร้าวแก้วครั้งละ 2-3 ชิ้น ช่วยลดอาการท้องเสียได้
• ลดอาการปวดท้อง: รับประทานมะพร้าวแก้วครั้งละ 1-2 ชิ้น ช่วยลดอาการปวดท้องจากอาหารไม่ย่อย
• แก้โรคกระเพาะอาหาร: รับประทานมะพร้าวแก้วก่อนอาหาร ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนในกระเพาะอาหาร
• บำรุงปอด: รับประทานมะพร้าวแก้ววันละ 1-2 ชิ้น ช่วยบำรุงปอดให้ชุ่มชื้น

ขั้นตอนการทำมะพร้าวแก้วเชียงคาน

การทำมะพร้าวแก้วเชียงคานเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้ความชำนาญ โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. คัดเลือกมะพร้าว: เลือกมะพร้าวน้ำหอมที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป
2. ปอกเปลือกมะพร้าว: ใช้มีดปอกเปลือกมะพร้าวออกให้หมด
3. ฝานเป็นเส้น: ใช้ที่ขูดฝานมะพร้าวให้เป็นเส้นบางๆ
4. ล้างเส้นมะพร้าว: ล้างเส้นมะพร้าวด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้งเพื่อขจัดความขม
5. แช่น้ำปูนใส: แช่เส้นมะพร้าวในน้ำปูนใสประมาณ 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้เส้นมะพร้าวขาวและกรอบ
6. นึ่งเส้นมะพร้าว: นึ่งเส้นมะพร้าวประมาณ 20-25 นาที จนเส้นมะพร้าวใสและนุ่ม
7. ปรุงน้ำเชื่อม: เคี่ยวน้ำตาลทราย น้ำเปล่า และเกลือ จนน้ำเชื่อมข้นเป็นยางมะตูม
8. แช่เส้นมะพร้าวในน้ำเชื่อม: แช่เส้นมะพร้าวในน้ำเชื่อมที่ร้อนประมาณ 15-20 นาที จนเส้นมะพร้าวอุ้มน้ำเชื่อม
9. ตากจนแห้ง: ตากเส้นมะพร้าวที่แช่น้ำเชื่อมไว้ในที่ร่มจนแห้งสนิท
10. คลุกมะพร้าว: คลุกเส้นมะพร้าวแห้งกับมะพร้าวขูดเพื่อเพิ่มความหอม

ข้อควรระวังในการรับประทานมะพร้าวแก้วเชียงคาน

แม้ว่ามะพร้าวแก้วเชียงคานจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากมะพร้าวแก้วมีน้ำตาลสูง ผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักควรหลีกเลี่ยงหรือรับประทานในปริมาณน้อย

สรุป

มะพร้าวแก้วเชียงคานเป็นขนมไทยโบราณที่มีรสชาติอร่อย หอมกรุ่น และอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพและสรรพคุณทางยาอีกด้วย หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม มะพร้าวแก้วเชียงคานจะช่วยบำรุงร่างกายและเพิ่มความมีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี