Position:home  

ขุมทรัพย์แห่งอิตาลี: เผยความลับของชีสพาร์เมซาน และประโยชน์ที่คุณไม่เคยรู้

ชีสพาร์เมซานเป็นสมบัติของโลกอาหารอิตาลี มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูงและประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย ทำให้ชีสชนิดนี้เป็นส่วนสำคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ

ที่มาและประวัติ

ชีสพาร์เมซาน ถือกำเนิดขึ้นในแคว้น Emilia-Romagna ทางตอนเหนือของอิตาลี เมื่อราวศตวรรษที่ 13 โดยพระสงฆ์ชาวเบเนดิกติน โดยทำจากนมวัวที่เลี้ยงในทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาคนี้ ชื่อ "พาร์เมซาน" มาจากเมืองพาร์มา ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตชีสที่สำคัญที่สุด

กระบวนการผลิต

การผลิตชีสพาร์เมซานเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน เริ่มต้นจากการทำให้ก้อนนมดิบแข็งตัวด้วยเอนไซม์เรนนิน จากนั้นหั่นก้อนนมที่แข็งตัวออกแล้วต้มในกระทะทองแดงขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "คาสเซโร่" เป็นเวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นก้อนนมจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ลงในแม่พิมพ์รูปวงกลมที่มีขนาดและรูปร่างเฉพาะ จากนั้นชีสจะถูกเกลือและปล่อยให้สุกในห้องใต้ดินที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเป็นเวลาขั้นต่ำ 12 เดือน แต่อาจยาวนานถึง 36 เดือนหรือมากกว่านั้น

รสชาติและกลิ่น

ชีสพาร์เมซานมีรสชาติที่เข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์ มีความเค็มเล็กน้อยและมีกลิ่นที่เข้มข้นของถั่ว เนื้อชีสจะแน่นและมีโครงสร้างเป็นเกล็ด รสชาติและกลิ่นจะแตกต่างกันไปตามอายุของชีส โดยชีสที่เก่ากว่าจะมีรสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นที่แรงกว่า

parmesan

คุณค่าทางโภชนาการ

ชีสพาร์เมซานเป็นแหล่งแคลเซียมและโปรตีนที่ยอดเยี่ยม โดยให้แคลเซียม 1,150 มิลลิกรัม และโปรตีน 38 กรัมต่อ 100 กรัม นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามิน A, B12 และ K2 อีกด้วย

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่สูง ชีสพาร์เมซานจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่:

  • บำรุงกระดูกและฟัน: ปริมาณแคลเซียมที่สูงในชีสพาร์เมซานช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  • ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ: วิตามิน K2 ในชีสพาร์เมซานช่วยลดการสะสมของแคลเซียมในหลอดเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: วิตามิน A ในชีสพาร์เมซานช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ
  • ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด: มีการศึกษาบางชิ้นที่พบว่าโพรไบโอติกส์ในชีสพาร์เมซานอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่

การบริโภคและการจัดเก็บ

ชีสพาร์เมซานสามารถบริโภคได้หลากหลายวิธี รวมถึง:

  • โรยหน้าจานพาสต้า: ชีสพาร์เมซานขูดเป็นเครื่องปรุงที่ยอดนิยมสำหรับจานพาสต้าต่างๆ
  • ผสมในซุปและสตูว์: ชีสพาร์เมซานหั่นฝอยหรือขูดสามารถเพิ่มรสชาติที่เข้มข้นให้กับซุปและสตูว์
  • ใช้เป็นเกล็ดชีสบนสลัด: เกล็ดชีสพาร์เมซานเป็นเครื่องปรุงที่อร่อยสำหรับสลัด
  • รับประทานเป็นของว่าง: ชีสพาร์เมซานสามารถรับประทานเป็นของว่างแบบเพียงลำพัง หรือจับคู่กับผลไม้ เช่น องุ่นหรือแอปเปิ้ล

ชีสพาร์เมซานควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนเมื่อปิดผนึกอย่างถูกต้อง

สูตรอาหารที่ใช้ชีสพาร์เมซาน

มีหลายสูตรอาหารที่ใช้ชีสพาร์เมซานเป็นส่วนผสม ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างบางส่วน:

ขุมทรัพย์แห่งอิตาลี: เผยความลับของชีสพาร์เมซาน และประโยชน์ที่คุณไม่เคยรู้

  • สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่า: จานพาสต้าคลาสสิกนี้ทำจากสปาเก็ตตี้ที่โยนกับซอสครีมทำจากไข่ ชีสพาร์เมซาน และไขมันหมู
  • ริซอตโต้มีลาเนเซ: ริซอตโต้ครีมที่ทำจากข้าวที่ค่อยๆ ต้มในน้ำซุปและไวน์ แล้วปรุงรสด้วยชีสพาร์เมซานและไขกระดูก
  • ซุปมะเขือเทศกับชีสพาร์เมซาน: ซุปที่ทำจากมะเขือเทศที่ต้มจนเปื่อย แล้วปรุงรสด้วยชีสพาร์เมซานและใบโหระพา
  • ไก่ย่างกับเกล็ดชีสพาร์เมซาน: ไก่ที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแล้วนำไปย่าง แล้วโรยหน้าด้วยเกล็ดชีสพาร์เมซาน

ข้อมูลโภชนาการ

ตารางต่อไปนี้แสดงข้อมูลโภชนาการโดยประมาณสำหรับชีสพาร์เมซาน 100 กรัม:

สารอาหาร ปริมาณ
แคลอรี่ 430
ไขมัน 29 กรัม
โปรตีน 38 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 2 กรัม
แคลเซียม 1,150 มิลลิกรัม
วิตามิน A 500 IU
วิตามิน B12 0.6 ไมโครกรัม
วิตามิน K2 10 ไมโครกรัม

กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการใช้ชีสพาร์เมซาน

มีกลยุทธ์มากมายในการใช้ชีสพาร์เมซานอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการ:

  • ซื้อชีสพาร์เมซานที่มีคุณภาพสูง: ชีสพาร์เมซานคุณภาพสูงควรมีรสชาติที่เข้มข้นและมีกลิ่นที่เข้มข้น
  • ใช้ชีสพาร์เมซานในปริมาณที่เหมาะสม: ปริมาณชีสที่มากเกินไปอาจทำให้จานอาหารรสเค็มหรือมีเนื้อสัมผัสที่เหนียว
  • ผสมชีสพาร์เมซานกับชีสชนิดอื่นๆ: ชีสพาร์เมซานเข้ากันได้ดีกับชีสชนิดอื่นๆ เช่น โมสซาเรลล่า เชดดาร์ และกอร์กอนโซลา
  • เก็บชีสพาร์เมซานอย่างถูกต้อง: ชีสพาร์เมซานควรเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-4 องศาเซลเซียส สามารถเก็บได้นานถึง 6 เดือนเมื่อปิดผนึกอย่างถูกต้อง
  • ใช้เปลือกชีสพาร์เมซาน: เปลือกชีสพาร์เมซานสามารถใช้ปรุงรสซุปและสตูว์ได้

เรื่องราวที่น่าสนใจ

มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีสพาร์เมซานมากมาย ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างสองสามเรื่อง:

  • การแข่งขันชิมชีส: ในปี 2016 มีการแข่งขันชิมชีสพาร์เมซานที่เมืองพาร์มา ประเทศอิตาลี ผู้ชนะเป็นผู้เชี่ยวชาญการชิมชีสชาวออสเตรเลียชื่อ จอร์จ ลินด์เบิร์ก
  • ชีสพาร์เมซานที่หายากที่สุดในโลก: ชีสพาร์เมซานที่หายากที่สุดในโลกคือชีสที่เรียกว่า "Parmigiano Reggiano Quadro" ชีสชนิดนี้ทำจากนมของวัวที่เลี้ยงในท
Time:2024-09-09 09:34:23 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss