ความยิ่งใหญ่ของพาเมซานชีส: จากฟาร์มสู่จานอาหาร

พาเมซานชีส เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนรักชีสว่าเป็นหนึ่งในชีสที่อร่อยที่สุดในโลก ด้วยรสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ พาเมซานชีสได้กลายเป็นส่วนสำคัญของอาหารอิตาเลียนและอาหารนานาชาติมากมาย

ประวัติความเป็นมาของพาเมซานชีส

ต้นกำเนิดของพาเมซานชีสสามารถสืบย้อนไปถึงสมัยโรมันโบราณ ในสมัยนั้น ชาวโรมันผลิตชีสจากนมแกะที่เลี้ยงในพื้นที่เมืองปาร์มา ประเทศอิตาลี เมื่อเวลาผ่านไป ชาวเมืองปาร์มาได้ปรับปรุงสูตรและเทคนิคการผลิตชีสของตน จนได้พาเมซานชีสที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์

ในช่วงยุคกลาง พาเมซานชีสได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชนชั้นสูงและพระสงฆ์ เนื่องจากมีความทนทานและเหมาะสำหรับการเดินทางไกล ในศตวรรษที่ 17 พาเมซานชีสได้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของเมืองปาร์มา และได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านคุณภาพและรสชาติ

การผลิตพาเมซานชีส

พาเมซานชีสผลิตจากนมวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าในพื้นที่ที่กำหนดของเมืองปาร์มาและเมืองโดยรอบ นมจะถูกนำไปต้มและเติมเอนไซม์เพื่อให้เกิดการแข็งตัว ต่อจากนั้น เนื้อนมที่แข็งตัวจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ และต้มอีกครั้งในกระทะทองแดงเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที

หลังจากนั้น เนื้อนมจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ อีกครั้งและใส่เกลือลงไป ผสมให้เข้ากัน แล้วจึงใส่ลงในแม่พิมพ์กลมๆ แต่ละก้อนจะถูกกดทับเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อให้น้ำออก จากนั้นก็จะถูกแช่ในน้ำเกลือเป็นเวลา 12-24 เดือน เพื่อให้เกิดรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์

ประเภทของพาเมซานชีส

มีพาเมซานชีสหลายประเภท แต่ชนิดที่พบบ่อยที่สุดคือ:

• พาเมซานเรจจาโน (Parmigiano Reggiano): ผลิตในพื้นที่ที่กำหนดของเมืองปาร์มาและเมืองโดยรอบในประเทศอิตาลี เป็นพาเมซานชีสประเภทที่มีอายุมากที่สุดและมีรสชาติที่เข้มข้นที่สุด
• พาเมซานดิโมเดนา (Parmigiano di Modena): ผลิตในจังหวัดโมเดนา ประเทศอิตาลี มีรสชาติที่อ่อนกว่าพาเมซานเรจจาโนเล็กน้อย
• กรานาพาดาโน (Grana Padano): ผลิตในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศอิตาลี มีรสชาติที่อ่อนและเค็มมากกว่าพาเมซานชีสประเภทอื่นๆ

ประโยชน์ของพาเมซานชีส

พาเมซานชีสอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพ ได้แก่:

• โปรตีน: พาเมซานชีสเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย
• แคลเซียม: พาเมซานชีสอุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งจำเป็นสำหรับการบำรุงกระดูกและฟันที่แข็งแรง
• ฟอสฟอรัส: พาเมซานชีสมีฟอสฟอรัสสูง ซึ่งช่วยในการดูดซับแคลเซียมและบำรุงกระดูก
• วิตามิน A: พาเมซานชีสมีวิตามิน A ซึ่งจำเป็นสำหรับการมองเห็นและระบบภูมิคุ้มกัน
• วิตามิน B12: พาเมซานชีสมีวิตามิน B12 ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดและการทำงานของระบบประสาท

การใช้พาเมซานชีส

พาเมซานชีสสามารถใช้ในอาหารได้หลากหลายวิธี เช่น:

• ขูดบนพาสต้า: พาเมซานชีสขูดเป็นเครื่องปรุงที่สมบูรณ์แบบสำหรับพาสต้าทุกประเภท ช่วยเพิ่มรสชาติและความเค็มให้กับจานอาหาร
• โรยบนสลัด: พาเมซานชีสขูดสามารถเพิ่มรสชาติและโปรตีนให้กับสลัดได้
• ใช้ในซอส: พาเมซานชีสที่ขูดหรือละลายสามารถใช้ในซอสเพื่อเพิ่มความหนาและรสชาติ เช่น ซอสเบชาเมลและซอสอัลเฟรโด
• เป็นของขบเคี้ยว: พาเมซานชีสเป็นของขบเคี้ยวที่แสนอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการ
• ใช้ในอาหารอบ: พาเมซานชีสที่ขูดสามารถเพิ่มรสชาติและความกรอบให้กับอาหารอบ เช่น บิสกิตและขนมปัง

ตารางเปรียบเทียบชนิดของพาเมซานชีส

วิธีการใช้พาเมซานชีสอย่างปลอดภัย

เพื่อให้แน่ใจว่าพาเมซานชีสที่คุณบริโภคนั้นปลอดภัย ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้: ซื้อพาเมซานชีสจากร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีชื่อเสียง
2. ตรวจสอบวันหมดอายุ: ตรวจสอบวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ก่อนรับประทาน
3. เก็บรักษาอย่างถูกวิธี: เก็บพาเมซานชีสในตู้เย็นในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด
4. ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ: พาเมซานชีสมีปริมาณโซเดียมสูง ดังนั้นควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพาเมซานชีส

1. พาเมซานชีสทำจากนมชนิดใด?
ตอบ: พาเมซานชีสทำจากนมวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า

2. พาเมซานชีสมีอายุเท่าไหร่?
ตอบ: พาเมซานชีสที่มีอายุมากที่สุดคือพาเมซานเรจจาโน ซึ่งมีอายุมากกว่า 30 เดือน

3. ฉันสามารถแช่แข็งพาเมซานชีสได้ไหม?
ตอบ: ใช่ คุณสามารถแช่แข็งพาเมซานชีสได้นานถึง 6 เดือน

4. ฉันสามารถทดแทนพาเมซานชีสด้วยชีสอื่นได้ไหม?
ตอบ: คุณสามารถทดแทนพาเมซานชีสด้วยชีสชนิดแข็งอื่นๆ เช่น เชดดาร์ชีสหรือเปโคริโนโรมาโน อย่างไรก็ตาม รสชาติและพื้นผิวอาจแตกต่างกัน

5. พาเมซานชีสมีส่วนผสมของถั่วเหลืองหรือไม่?
ตอบ: ไม่ พาเมซานชีสไม่ควรมีส่วนผสมของถั่วเหลือง

6. ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าพาเมซานชีสของฉันปลอม?
ตอบ: พาเมซานชีสปลอมมักจะมีสีเหลืองสดกว่าและรสชาติอ่อนกว่าของแท้